*ก่อนอื่นขอบคุณมากนะคะที่อ่านตอนที่แล้ว(ชะตากรรมบนรถไฟทรานไซบีเรีย) หรือสำหรับใครที่เพิ่งมาเห็น ถ้ายังไม่ได้อ่านตอนแรก เเวะไปเยี่ยมชมก่อนได้นะคะ เพื่อการอ่านตอนนี้จะได้มีอรรถรสยิ่งขึ้น
ตอนที่ 2 : เมืองรอบๆทะเลสาบไบคาล
2.1 Ulan-Ude
หลังจากที่นั่งรถไฟทรานไซบีเรีย 88 ชั่วโมง รากงอกแล้วงอกอีก ฮ่าๆ สุดท้ายก็มาจอดที่เมือง Ulan-Ude สักที ปอก็ถามถามคนเเถวนั้น เพื่อหาโฮสเทลที่จองไว้ว่าไปทางไหน
เริ่มต้นจากเดินออกมานอกสถานีรถไฟ จะเห็นภาพนี้
มองออกไปอีกฝั่งนึงจะเห็นท่ารถตู้เล็กๆ (มีไปหลายที่เลยค่ะ เมือง Irkurst ก็มีไปนะ ถ้าไม่อยากขึ้นรถไฟ) และป้ายรถเมล์ (นี่แหละที่ที่มองหาอยู่)
แล้วเจ้าของโฮสเทลผู้ใจดี (คุณเดนิส) เดินมาหาพวกเราเพราะเห็นคุยอะไรกันอยู่หน้าแผนที่ แล้วก็ชี้ทางบนแผนที่อย่างดีว่าต้องไปที่ท่ารถตู้ตรงนี้ๆๆนะ รถออกตอนนี้นะ บลาๆๆ แต่ใครจะรู้ พวกเราไม่ได้เดินตามเส้นทางที่เค้าบอกมาเลย 55 วนรอบเมืองไปรอบนึงแล้วถึงจะมาถึงป้ายรถตู้ที่ไปวัด
นี่คือบริเวณถนนอารบัท (ชื่อฟังดูคุ้นๆกับที่มอสโกใช่ไหมคะ? ที่มอสโกก็มีถนนชื่ออารบัทเช่นเดียวกันค่ะ) ที่พวกเรามาเดินวนก่อนไปถึงป้ายรถเมล์ (คิดในใจว่าเเอปเปิ้ลนี่มีอยู่ทุกมุมเมืองจริงๆ ฮ่าๆ)
เดินลัดเลาะเเบบมั่วๆ แผนที่ไม่ได้ดู ถามทางไปเรื่อยๆ แล้วป้าร้านแผงลอยตรงนี้เป็นคนชี้ทาง บอกว่าอีกไม่ไกลหนู เดินอีกสิบนาทีถึง อากาศดีเดินเพลินๆ ได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยวของแต่ละคน สองสาวเล่าว่าจะไปมองโกเลียแล้วไปจีนต่อ (ส่วนใหญ่ฝรั่งที่มาแบคแพคที่ปอเจอจะไปเส้นทางนี้กัน เมือง Ulan-Ude อยู่ใกล้มองโกเลียค่ะ ถ้านั่งรถข้ามไป Ulan-Bator ใช้เวลา 12 ชม แต่ถ้านั่งรถไฟใช้เวลา ประมาณ 1 วัน เห็นคุณเดนิสบอกว่าไปจอดพักตรงชายแดนนานค่ะ )
ฮ่าๆ ในที่สุดพวกเราก็มาถึงป้ายรถเมล์ ที่รถจะมีป้ายเขียนว่า Иволгинский дацан (สำหรับคนที่ไม่รู้
ภาษารัสเซียลองจดไว้แล้วเอาไปถามคนขับก็ได้ค่ะ) เป็นการนั่งรถ 2 ต่อค่ะ คือ รถตู้ที่ขึ้นจากท่ารถตอนแรกจะไปจอดตรงจุดที่เราต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถอีกคันที่จะไปถึงวัดจริงๆ ส่วนใหญ่คนที่ใช้บริการรถก็เป็นชาวบ้านนี่ล่ะค่ะ (นักท่องเที่ยวมีเราสามคนวันนั้น) แต่หน้าตาคนแถวนี้จะไปทางมองโกเลียมากกว่าหน้าฝรั่งแบบคนรัสเซีย เช่น น้องหนูคนนี้ 🙂 (คิดในใจว่า….ป้ารู้สึกอยากรับเลี้ยงเด็กจังเลยยย 555)
นั่งรถอีกไม่นาน เราก็มาถึงวัดกันแล้วว บริเวณหน้าวัดมีของขาย (นึกถึงที่ไทยเลยค่ะ) แต่ศาสนาพุทธที่นี่เป็นคนละนิกายนะคะ เป็นนิกายเดียวกับทิเบต เห็นมีคนมาลุกนอนไหว้(เรียกไม่ถูกว่าเค้าเรียกว่ายังไง) แบบเรื่อง ชัมบาล่า ด้วยค่ะ
แล้วสองสาวก็อยากเข้าไปดูข้างใน เพราะเค้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ ปอเลยเข้าไปถามลามะ(พระ) ว่าเข้าไปดูได้มั้ย ปอนับถือศาสนาพุทธ เค้าบอกว่าได้แต่ห้ามถ่ายรูปนะ (โชคดีจริงๆเพราะเค้าไม่ค่อยให้คนนอกเข้าค่ะถ้าไม่ได้นับถือพุทธ ) ข้างในก็ไม่ได้มีอะไรตื่นตาตื่นใจค่ะ เอาไว้ประกอบพิธีกรรม
พวกเราก็เดินรอบๆค่ะ บรรยากาศเงียบสงบมากๆ ขนาดปอเป็นพุทธเองยังรู้สึกแปลกตาเลย สองสาวนั้นไม่ต้องพูดถึง เค้าดูสนใจมากๆค่ะ
แล้วเราก็เดินทางกลับมาที่โฮสเทลค่ะ อ้อ ที่อูลานอูเด จะมีของกินที่ต้องชิมคือ Бузза (อ่านว่า บูซซ่า) ลักษณะคล้ายเกี๊ยวค่ะ เป็นแป้งมาห่อกับไส้ที่เป็นเนื้อสัตว์ ที่นี่มี หมู แกะ และบางร้านอาจมีเนื้ออื่นๆ แต่ข้างในจะมีน้ำอยู่กับหมูคล้ายๆน้ำซุปค่ะ วิธีกินให้เรากัดแป้งให้เป็นรูเล็กๆดูดน้ำซุปก่อน แล้วถึงกินเกี๊ยวค่ะ ฮ่าๆ แปลกๆดี อร่อยดีด้วยค่ะ ราคาของร้านนี้ลูกละ 30 รูเบิล (กินกับซอสพริกก็อร่อยไปอีกแบบ)
ที่ตลกดีคือก่อนกลับโฮสเทลพวกเราเเวะซุปเปอร์ สองสาวเห็นขนมรัสเซียแล้วเลือกไม่ได้ว่าจะซื้ออันไหน เค้าเลยเอาขนมแต่ละอันมาวาง แล้วโยนเหรียญหัวก้อยเอาออกทีละอัน 555 เพิ่งรู้ว่าเค้าก็ทำแบบนี้กันด้วย
กลับมาถึงที่พัก เรารวมตัวกัน มานั่งคุยเรื่อยเปื่อย ผู้ชายที่ถ่ายรูปมาจากอิตาลี ส่วนเสื้อเขียวกับเสื้อดำมาจากฝรั่งเศส แล้วก็เกิดมินิคอนเสิร์ตสองสาว เล่นกีตาร์ร้องเพลงกันสนุกสนาน ก่อนพวกเราจะเข้านอนกันประมาณเที่ยงคืน ชาร์ตพลังสำหรับวันต่อไป
จริงๆแล้วเมือง Ulan-Ude เป็นเมืองเล็กๆ สามารถเที่ยวได้ใน 1-2 วัน แต่ปอรู้สึกชอบนะคะ ดูผู้คนเป็นมิตร ไม่แพง มีกลิ่นอายมองโกเลีย ดูแปลกๆไปจากเมืองรัสเซียเมืองอื่นค่ะ … ตารางที่ตั้งใจไว้พรุ่งนี้ จะไปเมือง Goryachinsk ค่ะ ตั้งแต่มาถึง ยังไม่ได้เห็นทะเลสาบเลยเนอะ แรงบันดาลใจทั้งหมดของทริปนี้คือทะเลสาบไบคาลนี่ละ จะไปดูให้เห็นกับสองตา 😉