วันนี้อยากจะมาอัพเดตการขอวีซ่าเชงเก้นแบบท่องเที่ยวฉบับคนไม่ได้ทำงานประจำ    (สปอนเซอร์ตัวเอง)

ในโพสนี้จะขอถ่ายทอดประสบการณ์ที่เคยขอเชงเก้นมาหลายครั้ง หลายประเทศ บอกแบบหมดที่รู้มา หรือหาข้อมูลมา (ซึ่งขอบอกไว้ก่อนว่าหลายๆอย่างอาจจะไม่ได้การันตีว่าจะได้วีซ่านะคะ เพราะเเต่ละคนมีโปรไฟล์ที่แตกต่างกัน ซึ่งจุดนี้ก็เป็นข้อหลักที่สถานทูตเค้าใช้พิจารณาในการให้วีซ่ากับเรา) สิ่งที่ปอมาบอกเล่าเป็นทริคต่างๆและเอกสารที่ต้องเตรียมเท่านั้น ไม่ขอเกริ่นเกี่ยวกับวีซ่าเชงเก้นแล้ว สามารถอ่านได้จากโพสเก่า >>ขอเชงเก้นวีซ่าฉบับพนักงานประจำ

หลักการเลือกประเทศที่ขอวีซ่ามี 3 ข้อหลักๆ ท่องให้ขึ้นใจ :

  1. ไปประเทศเดียว ก็ขอจากประเทศนั้น (อันนี้ง่ายๆทุกคนเข้าใจ) 
  2. หากไปหลายประเทศ ขอวีซ่าจากประเทศที่เราจะอยู่ในที่สุดในทริป เช่น ไป 15 วัน อยู่สวิส 4 วัน เยอรมัน 3 วัน ฝรั่งเศส 8 วัน ก็ให้ขอจาก ฝรั่งเศสค่ะ 
  3. หากไปหลายประเทศแล้วอยู่ทุกประเทศระยะเวลาเท่ากัน เช่นไป 15 วัน อยู่ออสเตรีย 5 วัน ฮังการี 5 วัน สโลวาเกีย 5 วัน ให้ขอจากประเทศที่เราบินไปลงเข้าเขตเชงเก้นประเทศเเรกค่ะ เช่นกรณีนี้บินลงออสเตรีย ก็ขอจากออสเตรียค่ะ 

ขั้นตอนการขอวีซ่าแบบคร่าวๆก็คือ 

กรอกเอกสารออนไลน์จองคิวจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนไปยื่นที่ศูนย์ยื่นวีซ่า (ของฝรั่งเศสคือ TLS) หรือบางประเทศก็เปิดให้ไปยื่นที่สถานทูตได้ ซึ่งจะใช้เวลานานพอสมควรทำ biometric (กรณียังไม่เคยทำมาก่อน) – ชำระเงินรอรับเล่มพาสปอร์ตคืน

เอกสารที่ใช้ (อาจจะแตกต่างกันได้ควรเชคกับสถานทูตที่เราขออีกครั้งนะคะ ที่สำคัญ เชคประเภทวีซ่าให้ถูกต้องเพื่อความถูกต้องของเอกสารค่ะ) ในรีวิวนี้ปอจะอิงของฝรั่งเศสเป็นหลัก 

สถานที่ไปยื่นเอกสาร : TLS อยู่ชั้น 12 ตึก สาธรซิตี้ทาวเวอร์ ถ้าเดินทางด้วยบีทีเอสให้ลงสถานีช่องนนทรี สามารถเดินไปที่ตึกได้เลยค่ะ หรือ mrt สีลมแล้วนั่งมอเตอร์ไซต์หรือแทกซี่มาได้

ซึ่งคิวการยื่นเค้าจะมีแบบคิวธรรมดา เปิด 2 รอบ คือ 08:00 – 12:15 และ 13:30 – 15:45 

ถ้าจองได้เวลาไหนก็ให้ขึ้นตึกไปตอนใกล้ๆเวลานัด เพราะเค้าไม่ให้เข้าก่อนเวลาและไม่มีเก้าอี้ให้นั่งรอ เห็นบางคนนั่งพื้นรอกันก็มีค่ะ แล้วก็มีคิวแบบ Prime time ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 

ณ วันที่ไปยื่น คือปอลงทะเบียนรอคิวไว้เกือบ 2 เดือนล่วงหน้าค่ะ คิวธรรมดายาวมากกกกกก

วันไปยื่น สามารถเอามือถือเข้าได้ แต่ให้ปิดเสียง มีการเเลกบัตรด้านล่างเพื่อสแกนขึ้นลิฟต์ และรับบัตรเพื่อเข้าให้ส่วนของโซนนั่งรอยื่นวีซ่า วันที่ไปเลือกคิว 9:45 น ด้วยความที่คนเยอะมาก รอนานมากกกกก กว่าจะเสร็จทุกอย่างคือบ่ายโมงนิดๆค่ะ เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจเอกสารละเอียดมาก แต่ละเคสเลยนาน หลังตรวจเสร็จก็ให้เลือกว่าจะชำระเงินแบบไหน ถ้าจ่ายบัตรจะมีชาร์ต % แต่สแกนโอนเงินจ่ายจะไม่มีค่าธรรมเนียม หลังจากนั้น ก็อาจจะให้ไปเก็บข้อมูล Biometric ถ้าไม่เคยมีข้อมูลมาก่อน 

กรณีที่เอกสารไม่ครบ อะไรขาด สามารถขอมาส่งเพิ่มเติมก่อนบ่ายสองวันที่ยื่นได้ค่ะ ร้านปรินท์และถ่ายเอกสารมีที่ใช้ใต้ดินของตึก ตรงฟู้ดคอร์ท ราคามหาโหดมาก ปรินท์ขาวดำแผ่นละ 30 สีแผ่นละ 40 บาท แนะนำให้เตรียมทุกอย่างไปให้พร้อมนะคะ 

ค่าใช้จ่าย : วันนั้นจ่ายไปราวๆ 4,100 บาท คือค่าขอวีซ่า (80 ยูโร)และค่าบริการของ TLS ค่ะ อันนี้ปอเลือกมารับเล่มเอง ซึ่งถ้าใครไม่สะดวกมารับเองก็สามารถเลือกส่งไปรษณีย์ได้ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (ถ้าใครเลือกคิว prime time หรือใช้เล้าจน์ ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกค่ะ)

ระยะเวลาที่รอวีซ่า : ยื่นเอกสาร 31 สค ได้รับอีเมล์ให้ไปรับเล่มเช้าวันที่ 5 กย ไปรับเล่มวันที่ 5 กย ค่ะ ถือว่าไวมาก นานแค่ตรงรอคิวมายื่นนี่แหละค่ะ ซึ่งเราสามารถยื่นขอวีซ่าล่วงหน้าได้ถึง 6 เดือนเลยค่ะ แพลนดีๆนะคะ เพราะวีซ่าที่ได้จะเริ่ม valid ตั้งแต่วันที่เค้าออกวีซ่าให้เลยค่ะ อย่างของปอ วันเดินทางเข้าเชงเก้นเดือน ตค แต่วีซ่าเริ่ม valid ตั้งแต่ 2 กย เลยค่ะ 

วันมารับเล่ม : ให้นำเซทเอกสารที่เจ้าหน้าที่แจ้งให้เอามารับเล่ม + สำเนาบัตรประชาชนและบัตรตัวจริงมาด้วยนะคะ ไม่งั้นต้องลงไปถ่ายเอกสารด้านล่างแพงอีก 555

ได้วีซ่ายาวเท่าไร? : รอบนี้ได้มา 5 เดือนค่ะ จากแพลนที่ขอไป 7 วัน แต่ทำจดหมายไปเพิ่มเติมว่ามีแพลนจะไปยุโรปอีก ในใจแอบหวังว่าจะได้หลายปี แต่เป็นการขอจากฝรั่งเศสครั้งแรกที่ไทยค่ะ เลยคิดว่าได้เท่านี้ก็ค่อนข้างโอเคแล้วค่ะ

เอกสารที่ใช้ : จากประสบการณ์การเดินทางมาสิบปี ทริคที่ปอสังเกตมาเองในการขอวีซ่าแต่ละครั้งก็คือ ทำยังไงก็ได้ ให้เค้าเชื่อว่าเราไปแล้วจะกลับมา หรือไม่ไปผิดวัตถุประสงค์วีซ่าค่ะ (ใช้หลักการนี้มาตลอด ไม่เคยโดนปฏิเสธวีซ่าเลยค่ะ)

เว็บไซต์หลักที่ต้องใช้มี 2 เว็บค่ะ เราต้องไปสร้างแอคเค้าท์ไว้นะคะ 

  1. https://fr.tlscontact.com/th/bkk/index.php << เว็บนี้เอาไว้ติดตามสถานะวีซ่าต่างๆ จองคิวไปยื่นวีซ่า
  2. https://france-visas.gouv.fr/en_US/web/france-visas/ai-je-besoin-d-un-visa << เว็บนี้เอาไว้กรอกข้อมูลส่วนตัว หลังจากเสร็จแล้ว เอาเลข reference ไปใช้จองคิวค่ะ 

ส่วนเอกสารที่ส่งไปมีทั้งหมดดังนี้ค่ะ (อันไหนที่ไม่จำเป็น เจ้าหน้าที่เค้าก็ยื่นคืนมาค่ะ) 

  1. Application form ที่ปรินท์มาจากที่ไปกรอกในเว็บ  france-visas ด้านบนที่ลงลิงค์ไว้ 
  2. เอกสารเชคลิส และใบนัดจาก TLS 
  3. พาสปอร์ตที่มีอายุเหลือหลังจากออกจากโซนเชงเก้นอย่างน้อย 3 เดือน(และอย่าลืมอีกข้อว่า ปกติถ้าพาสปอร์ตอายุเหลือน้อยกว่า 6 เดือนจะเดินทางไปประเทศอื่นไม่ได้ค่ะ) และมีหน้าเหลืออย่างน้อย 2 แผ่นในเล่ม ในพาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน ปอยังมีวีซ่าอังกฤษ แคนาดา และอเมริกาที่ยังไม่หมดอายุ 
  4. ถ่ายเอกสารตราสแตมป์และวีซ่าที่เคยได้มาจากพาสปอร์ตทุกเล่ม (ของปอปึกใหญ่มาก ฮ่าๆ) อันนี้คิดว่ามีส่วนช่วยในความน่าเชื่อถืออย่างมากค่ะ ยิ่งเราไม่เคยมีประวัติ overstay ที่ไหนก็ตามยิ่งดี 
  5. รูปถ่ายขนาดรูปถ่าย2ใบ มีรายละเอียดดังนี้ 1พื้นหลังสีขาวขนาด3.5 ซม. x 4.5 ซม. 2.ถ่ายจากด้านหน้าโดยไม่สวมใส่สง่ิต่างๆบนใบหน้าหรือศีรษะ 3.ภาพถ่ายปัจจุบนั(ไม่เกิน6 เดือน) 4.ใบหูและคิ้วจะต้องปรากฏบนภาพถ่าย 5.ภาพถ่ายจะต้องครอบคลุมถึงศีรษะและด้านบนของหัวไหล่โดยต้องเห็นใบหน้า70-80% ของภาพอย่างชัดเจน ตรงนี้สำคัญมากคือ ควรเป็นรูปถ่ายใหม่ที่ไม่เคยใช้กับวีซ่าใดๆในเล่มมาก่อน (เจ้าหน้าที่แอบเน้นตรงนี้มาก ไม่งั้นจะใช้ไม่ได้) ให้ไปร้านถ่ายรูปแล้วเเจ้งว่าขอไปยื่นวีซ่าเชงเก้นจะได้ขนาดที่ถูกต้องค่ะ หรือใครขี้เกียจหาร้านถ่าย มาถ่ายที่ TLS ก็ได้ค่ะมีค่าบริการ 250 บาท
  6. เอกสารใบจองตั๋วเครื่องบินไปกลับ (ยังไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินได้ค่ะ มีหลายคนจองใน Traveloka แล้วปรินท์หน้าสุดท้ายก่อนจ่ายเงินเอามายื่นก็ผ่าน) ส่วนของปอครั้งนี้ยื่นตั๋วจริงที่จ่ายเงินไปแล้วเพราะไปอังกฤษแน่ๆค่ะ มีวีซ่าเข้าแล้ว ของฝรั่งเศสก็บินจากอังกฤษอีกที
  7. เอกสารการจองที่พัก ถ้าเราสปอนเซอร์ตัวเอง ก็จองใน booking.com แบบยกเลิกฟรี ปรินท์หน้า confirm booking ที่มีชื่อของคนยื่น (ถ้าไปเป็นกลุ่มให้มั่นใจว่ามีชื่อทุกคนอยู่ในใบจองนะคะ) และที่สำคัญ ห้ามยกเลิกก่อนได้วีซ่านะคะ มีคนโดนปฏิเสธวีซ่ามาหลายคนเเล้ว เพราะจองแล้วไปยกเลิกก่อนได้วีซ่าค่ะ 
  8. ประกันการเดินทาง ถ้าเดินทางบ่อย ทำรายปีไว้ก็คุ้มนะคะ แถมเอามายื่นก็อาจจะช่วยให้ได้วีซ่านานขึ้นด้วย (อันนี้เท่าที่สังเกตเอาเองนะคะ ไม่ได้การันตีอะไร) หรือหากใครไม่ค่อยได้เดินทางทำรายครั้งก็พอค่ะ แต่ต้องดูให้ชัวร์นะคะว่าวงเงินครอบคลุมเพียงพอกับที่สถานทูตนั้นๆกำหนดไว้ อย่างของฝรั่งเศสคือครอบคลุมมากกว่า 30,000 ยูโรค่ะ 
  9. เอกสารแสดงหน้าที่การงาน เคสนี้ปอทำธุรกิจส่วนตัว เป็นเจ้าของกิจการ จดทะเบียน หจก ไว้ ก็นำหนังสือรับรองที่มีชื่อเราเป็นกรรมการมาใช้ยื่นค่ะ (ใบรับรองภาษาอังกฤษสามารถขอได้จากกรมพัฒน์ หรือจะเอาภาษาไทยไปแปลก้ได้ค่ะ) สำหรับคนที่เป็นอาชีพอิสระ ก็ส่งเอกสารที่เสียภาษี หรือทำหนังสือแนะนำตัวไปค่ะ อธิบายว่าหน้าที่การงานเราคืออะไร สำหรับคนที่เกษียณแล้ว หากเคยเป็นข้าราชการ ให้ไปขอหนังสือรับรองมายื่นได้ค่ะ
    อีกอย่างที่ปอยื่นคือ แคปหน้าแฟนเพจเฟสบุคไปค่ะ ว่าเราเป็น travel blogger นะ 
  10. Bank Statement อันนี้ปอไปขอจากธนาคารมาค่ะ (มีคนบอกปรินท์เอาจาก internet banking ก็ได้) แต่พอดีชื่อที่อยู่ปอใน internet banking เป็นภาษาไทย เลยว่าไปขอธนาคารเพื่อความสบายใจ ขอแบบโชว์วงเงินทั้งหมดสกุลยูโร 1 ฉบับ และ สเตทเม้นท์ย้อนหลัง 3 เดือนอีก 1 ฉบับ เสียค่าใช้จ่ายไป 200 บาท ส่วนจำนวนเงินในบัญชีนี้ หลักๆคือให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายขั้นต่ำที่เค้ากำหนดไว้คร่าวๆค่ะ สมัยปอเป็นนักเรียนมีอยู่หลักหมื่นก็ผ่านค่ะ (ตอนนั้นขอไป 4 วัน เค้ากำหนดขั้นต่ำวันละประมาณ 5,000 บาท มีในบัญชีราวๆ 70,000 บาทก็ผ่านค่ะ) ครั้งนี้ยื่นไปเยอะพอสมควร เพื่อให้เค้ามั่นใจมากขึ้นค่ะ ด้วยความที่ไม่ได้ทำงานประจำแล้ว (ไม่ได้เอาเงินเข้ามาตู้มเดียวยอดใหญ่ๆนะคะ คือมีเข้ามาสม่ำเสมอทุกเดือน) 
  11. ถ้าเคยเปลี่ยนชื่อ นามสกุล ให้เอาเอกสารเปลี่ยนชื่อนามสกุล (สามารถไปขอที่เขตหรืออำเภอเเบบเป็นภาษาอังกฤษได้เลย) ปอยื่นทะเบียนสมรสฉบับภาษาอังกฤษ (ขอที่เขตมาเช่นกัน) และพาสปอร์ตของสามีไปด้วย (ต้องการให้เค้าทราบว่าแต่งกับคนนี้นะ ไปอยู่บ้านเค้าที่อังกฤษ มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง) 
  12. แพลนการเดินทาง (อันนี้เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะส่งหรือไม่ส่งก็ได้ค่ะ) แต่ปอยื่นไป โดยทำแบบง่ายๆ แจ้งว่าวันนี้ๆเราแพลนไปทำอะไรบ้างคร่าวๆค่ะ
  13. หนังสือแนะนำตัว (เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะส่งหรือไม่ส่งก็ได้) ปออธิบายว่าเราเป็นใคร ปัจจุบันทำงานอะไรบ้าง รายรับมาจากไหน ทำไมอยากไปฝรั่งเศส และเพิ่มเติมไปว่ากลับมาไทยแน่ๆเพราะมีภาระอะไรบ้าง 1,2,3,4 อธิบายไปให้เค้าเชื่อว่าจะไม่ไปเป็นโรบินฮูดค่ะ 
  14. เอกสารอื่นๆที่เพิ่มความเชื่อมั่นด้านทรัพย์สินหรือภาระผูกพันที่ไทย เช่น ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ใช้ทุน ฯลฯ  เอกสารข้อนี้ปอไม่ได้ยื่นอะไรไปค่ะ 

คำถามที่พบบ่อย : ผู้หญิงเดินทางคนเดียวเป็นโสด มีโอกาสได้วีซ่ามั้ย ตอบเลยว่ามีค่ะ ถ้าประวัติหน้าที่การงานน่าเชื่อถือ และเค้ามั่นใจว่าจะกลับมาตามระยะเวลา ไม่อยู่เกินวีซ่า ปอเองขอเชงเก้นสมัยเป็นโสดและเที่ยวคนเดียวมาเกือบ 10 ครั้งค่ะ ไม่เคยโดนปฏิเสธสักครั้ง 

แชร์ให้แบบละเอียดที่สุดเท่าที่จำได้ สมัยก่อนใช้เวลาเขียนคอนเท้นท์ไม่นานเพราะแบ่งเวลามาทำได้เต็มที่ แต่ตอนนี้อาศัยมานั่งเขียนหลังลูกหลับ ถ้าถูกใจฝากกดไลค์ กดแชร์เป็นกำลังใจให้ผลิตผลงานออกมาอีกนะคะ 

You Might Also Like