สวัสดีค่า วันนี้มีรีวิวที่ได้ไปมาช่วงวันหยุดปีที่แล้วค่ะ พอดีปอเปิดไปเจอตั๋วเครื่องบินไปชัยปุระ กลับจากเดลีราคาประมาณ 8,000 บาทสำหรับวันหยุดยาว จริงๆก็ไม่ได้ยาวเท่าไร มีเวลาเที่ยวประมาณ 3 วัน ฮ่าๆ  แล้วประกอบกับการทำวีซ่าไปอินเดียก็ไม่ยากเย็น เลยมาลงตัวที่อินเดียทริปนี้ค่ะ

ก่อนอื่นอยากบอกว่าอินเดียเป็นประเทศที่ปอไม่ค่อยอยากไปเท่าไร เนื่องจากข่าวเรื่องผู้หญิงคนเดียวที่ไปเที่ยวแล้วโดนข่มขืน ภาพลักษณ์ที่ไม่ค่อยดี นึกถึงเจอคนนั่งถ่ายหนักตามทาง วัวเดินเพ่นพ่านตามถนน ความสกปรกต่างๆ — แค่นี้ก็ไม่อยากไปแล้วป่าวคะ แต่ไม่รู้อะไรมาดลใจเนอะ ปอคิดว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น มาค่ะ มาดูอินเดียที่ปอได้ไปเจอมา จะหรรษา โหด มัน ฮา หรือดราม่าแค่ไหน

1) การเตรียมตัว 
ทริปนี้ปอซื้อตั๋วก่อนไปประมาณ 2 อาทิตย์ ก่อนอื่นก็รีบขอวีซ่าก่อนเลยค่ะ เพราะกลัวไม่ทัน เดี๋ยวนี้จะบอกว่าการขอวีซ่าง่ายกว่าที่คิดเป็นแบบ e-tourist visa แต่เตรียมรูปถ่ายกับบัตรเครดิต และข้อมูลนิดๆหน่อยๆให้พร้อมค่ะ ยื่นวีซ่าออนไลน์ที่เว็บนี้  https://indianvisaonline.gov.in/evisa/Registration  (ระวังเว็บไซต์ที่พยายามทำมาใกล้เคียง เพื่อทำให้เราเข้าใจผิดว่าเป็นเว็บทางการ แต่เค้าจะบวกราคาค่าคอมมิสชั่นไป โดยที่เราไม่จำเป็นต้องจ่ายเลย ดังนั้นระวังดีๆนะคะ )

อีกวันนึงเค้าก็ส่งเมล์กลับมาว่าได้วีซ่ารึป่าว เราก็ปรินท์เอกสารนี้ไปใช้ยื่นตอนถึงสนามบินค่ะ (เค้าไม่ได้ขอดูตั๋วเครื่องบิน แต่เราจะต้องรู้ว่าเราจะไปลงสนามบินไหน เพราะต้องใส่ตอนกรอกขอวีซ่าค่ะ)

โดยวีซ่าก็จะมีเงื่อนไขรายละเอียดปลีกย่อย อยากให้ศึกษาก่อนขอนะคะ ว่าเข้าสนามบินไหนได้บ้าง อยู่ได้กี่วัน เราเข้าเงื่อนไขที่จะขอได้มั้ย ปอดูจากลิงค์นี้ค่ะ อธิบายละเอียดมาก https://www.changtrixget.com/travel/indiae-visa ไม่ขอเจาะรายละเอียดละกัน อยากเล่าการเดินทางมากกว่าในบทความนี้ ไว้เดี๋ยวปอทำรายละเอียดเรื่องวีซ่าแยกอีกบทความนึงเลยค่ะ เอาแบบจริงจังแต่เข้าใจง่าย

** อัพเดตล่าสุด (ธค 2019) คือ ตอนนี้ราคาวีซ่าลดลงมาเยอะมากๆ ปอเพิ่งขอวีซ่า 5 ปีไป จ่ายไปประมาณ 80 USD (ประมาณ 2400 บาท) คือคุ้มมากๆค่ะ (เรตเก่า วีซ่าแบบ single` ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะพันกว่าบาท แบบ 5 ปีเมื่อก่อนราคา 8,200 บาท) เพราะปอยังมีแพลนไปอีกหลายครั้งแน่ๆ ในรอบ 5 ปีข้างหน้านี้

การขอวีซ่าขั้นตอนออนไลน์เหมือนเดิมเลย สะดวกง่าย และรู้ผลเร็วด้วย (ประมาณ 1 วัน) **

Step ง่ายๆโดยสรุปคือ

  1. กรอกเอกสารขอวีซ่าออนไลน์ พร้อมอัพโหลดรูปและเอกสาร
  2. จ่ายเงินออนไลน์
  3. รอผลและปรินท์อีเมล์ที่ได้ตอบรับมา (eVisa) เอาไว้ไปยื่นให้ ตม ที่สนามบินค่ะ ดูรูปด้านล่างนี้นะคะ คือสิ่งที่เราต้องปรินท์ไป

 

ส่วนการเเลกเงิน ปอแลกจาก super rich ไปค่ะ คำนวณไม่ให้เหลือเงินกลับมา เพราะเรตเเลกคืนไม่ค่อยดีค่ะ (แต่ที่นู่นก็ใช้บัตรเครดิตได้นะคะ master card เรตดีกว่า visa เท่าที่ได้เปรียบเทียบมา) คิดเลขกลมๆไปว่า 1 บาท = 0.5 รูปี (เรตตอนนั้นประมาณ 0.45 แต่คิดกลมๆไปเลย)

2) แผนท่องเที่ยว
ทริปนี้เวลาน้อยและไม่อยากเสี่ยงกับการดีเลย์ของขนส่งมวลชนอินเดีย ปอเลยเช่ารถพร้อมคนขับ ดีลราคามาได้ที่ 3 วัน 8500 รูปี (ซึ่งดีลอยู่นานพอสมควร เพราะเค้าเปิดราคามาที่ 14,000 รูปี) ที่ได้ราคานี้เพราะเห็นคนรีวิวว่าใช้บริการเจ้านี้ 5 วัน อยู่ที่ 10,000 รูปี เลยลองต่อรองมาจนได้ค่ะ

แต่การดีลกับคนอินเดียนี่คือเหนื่อยมากค่ะ เพราะเราต้องมั่นใจว่าเรามีหลักฐานการคุยแพลนท่องเที่ยว และราคาให้เรียบร้อย คือ ตอนถึงวันเที่ยวจริง คนขับรถมีจะตัดบางอันที่เราอยากไปออก เราก็ไม่ยอมสิคะ แคปหน้าจอมาให้ดูเค้าเลยยอม แถมมีจะขอคิดเงินเพิ่ม เราก็แคปเอาที่คุยถามว่าราคานี้รวมทุกอย่างแล้วมั้ย เค้าบอกรวมแล้ว (เลยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม) โอ้ย จะเอาทุกเม็ดจริงๆ

โดยตารางคร่าวๆ ดังนี้

วันที่ 1   บินไปถึงชัยปุระ ตอนดึกๆ คนขับมารับที่สนามบิน เข้าที่พัก นอน 
วันที่ 2   ตะลุยเที่ยวรอบชัยปุระ
วันที่ 3   เก็บตกชัยปุระ และเดินทางไปอัครา
วันที่ 4   เที่ยวทัชมาฮาล และเดินทางไปเดลีเพื่อไปขึ้นเครื่องบิน

ดูตารางแล้วคือแน่นมากกก 55 แต่แพลนนี้ไม่ต้องลางานเลยค่ะ เพราะบินศุกร์เย็นหลังเลิกงาน แล้วกลับวันจันทร์ (ที่เป็นวันหยุดพอดี) ฟินๆได้อยู่น้าสำหรับคนที่มีเวลาน้อยจริงๆ  ** ปอไม่ได้ตะลุยเก็บครบทุกที่ ทุกอย่าง เน้นเที่ยวตามใจฉันและชิวๆไปเรื่อยๆค่ะ บางทีก็เสียเวลากับบางจุดเยอะ ถ้าไม่ได้ครบถ้วนก็อย่าว่ากันนะค้า

3) ที่พัก
ทริปนี้คือสุดมาก โชคดีที่ได้รับการสปอนเซอร์ที่พักที่เมืองอัครา ซึ่งหรูหราหมาเห่ามาก บอกตามตรงว่าไม่มีตังจ่ายแน่ถ้าต้องจ่ายเอง 55 ปอพักที่ชัยปุระ 2 คืน ที่ Alisa Hevali (จริงๆที่นี่ก็ชอบมาก เล็กๆแต่มีมุมเก๋เยอะ ราคาเบาๆด้วย) ส่วนอัครา พักที่ Oberoi amalas villa ค่า ตอนแรกอยากไปนอนเดลี แต่เปิดดูแล้ว เอ๊ะ ไม่ค่อยมีอะไรทำ ไม่นอนดีกว่า 55 ซึ่งที่พักทั้งหมด ปอได้ดีลพิเศษมาจาก ที่พักราคาประหยัด

4) อาหาร
เนื่องจากได้รับการไซโคจากคนที่ไปอินเดียมาหลายคนมากๆ ว่าให้ระวังท้องเสีย เพราะมีหลายคนที่กลับมาแล้วมีอาการอาหารเป็นพิษ ปอเลยระวังเรื่องนี้เป็นพิเศษ พยายามดูร้านที่ปรุงอาหารสุกใหม่ ไม่ว่าจะถูกหรือแพงก็ขอให้ทำใหม่ ไม่เอาอาหารเย็นๆชืดๆ กลัวว่าถ้าเป็นอะไรแล้วจะเที่ยวไม่สนุก ส่วนใหญ่ก็กินตามร้านที่ดูถูกสุขลักษณะค่ะ ไม่รู้จะบอกว่าอันไหนปลอดภัยไม่ปลอดภัยดี เพราะเพื่อนที่ท้องเสียก็ไปกินมาจากร้านอาหารแพงๆระดับ 5 ดาว

5) ผู้คน

ชื่อเสียงของอินเดียนั้นรู้กันดีว่า มาอินเดียไม่โดนหลอกเหมือนมาไม่ถึง ทริปนี้เนื่องจากตัดปัญหาด้วยการเช่ารถพร้อมคนขับ การต่อสู้กับผู้คนก็จะไม่ค่อยมีเท่าไร ส่วนใหญ่จะเป็นการต่อรองกับคนขับรถไม่ให้มาเอาเปรียบเรานอกเหนือจากที่ตกลงไว้ และตอนซื้อของต่างๆที่ต้องต่อราคาแบบเยอะพอสมควรเพราะบวกแรงมาก ตลอดทริปจะเจอคนที่เป็นมิตรเป็นพิเศษเข้ามาพูดคุยทักทาย และหลายคนพูดไทยได้นิดหน่อยด้วย งานขายเค้าเก่งจริงๆ มีคนนึงเดินเข้ามาจะขายสินค้าอย่างนึง พอไม่เอาก็หยิบออกมาอีกหลายอย่าง ไม่เอาก็ถามว่าให้เต้นโชว์มั้ย  ได้แต่ส่งสายตากลับไปว่าจะพี่ขายทุกอย่างไม่ได้นะคะ 555

6) ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ

ตั๋วเครื่องบิน 8,000 บาท

ที่พักจ่ายเอง 2,500 บาท และอีกคืนคือได้สปอนเซอร์

ค่าอาหารรวม 2,500 บาท

วีซ่า ประมาณ 1,400 บาท 

(ถ้าไปแบบแบคแพค จะถูกกว่านี้เยอะมากกก)

วันแรก
เครื่องลงค่อนข้างดึกค่ะ  เตรียมเอกสารไปอย่างดี รอที่ ตม โอโห คิดว่านี่คนน้อยแล้วนะคะ ปอซวยมากๆค่ะ มาต่อแถวที่เจ้าหน้าที่ทำงานช้ามากๆ อัตราเร็ว 20 นาทีต่อคน จนสุดท้ายเค้าออกกันไปหมดแล้ว เพิ่งได้คิวค่ะ การดำเนินการก็ไม่ได้ดูยากเย็นอะไรแต่ทำไมนานมากไม่รู้  เค้าจะดูเอกสารที่เราปรินท์ว่าเราได้วีซ่าจากในเวบ ถ่ายรูป ประทับลายนิ้วมือค่ะ จริงๆที่เคยเจอจากประเทศอื่นคล้ายๆแบบนี้ก็ไม่นานขนาดนี้นะคะ  พอออกมาได้ดีใจมากๆที่เจอคนขับรถรอเราอยู่ เค้าพูดอังกฤษได้ดีพอสมควรเลยค่ะ แล้วระหว่างทางคือรถโดนตำรวจโบก โอ้ย พีคในพีค  กว่าจะถึงที่พักก็เที่ยงคืนกว่าได้ 55 เหนื่อยมากค่ะวันนี้

วันที่ 2
วันนี้ตั้งใจว่าจะเที่ยวรอบๆเมืองชัยปุระ เอาตามตรงก็ไม่ได้คิดโปรแกรมอะไรมามากมายค่ะ ให้คนขับช่วยแนะนำ ซึ่งที่แรกที่ไปคือ วัดหนุมาน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีลิงเยอะมากๆ บรรยากาศก็สวยดีค่ะ ไปตอนเช้าๆ ข้างบนจะมีคนมาอาบน้ำที่เค้าเชื่อว่าเป็น holy water

 

อยากบอกว่าลิงที่นี่ค่อนข้างเป็นมิตรค่ะ ไกด์จะชอบให้เราไปถืออาหารล่อ แล้วลิงจะไต่ขึ้นมานั่งบนไหล่เรา กินอาหารอย่างสบายใจ —

ปอไม่ได้ล่ออาหารให้ลิงขึ้นมาบนตัวเพราะตรงนั้นมันสกปรกมาก แล้วลิงก็ไม่ได้ดูสะอาดเท่าไร เลยไม่เอาดีกว่า

ต่อจากวัดก็ไปที่ Amber Ford ตรงนี้เหมือนเป็นอีกจุดที่เป็นไฮไลท์ของชัยปุระ ที่นี่ค่อนข้างกว้างขวางมากก ใช้เวลาเดินอยู่ข้างในนานพอสมควร แล้วคนก็เยอะมากกก ร้อนมากกกก แต่จุดชมวิวจากตรงนี้สวยมากๆค่ะ

ตรงนี้วิวก็สวยใช้ได้เลยนะคะ

ตรงบันไดนี้ที่อยู่ไม่ไกลจาก Amber Fort คือลงไม่ถ่ายรูปไม่ได้ค่ะ ผิดหวังนิดนึงเพราะชอบวิวนี้มากๆ เค้ามีทหารคอยเฝ้าเลย ใครจะลงไปคือเป่านกหวีดไล่ เหตุผลที่ไม่ให้ลงคือ เค้าบอกว่าเจ้าของมาพักอยู่ข้างล่าง ไม่อยากให้ใครมารบกวน

Hawa Mahal ตรงนี้บอกตรงๆว่าค่อนข้างผิดหวังมาก เห็นในรูปนึกว่าจะสวยอลังการกว่านี้ พอไปถึงแล้วแบบ เอิ่มม แค่นี้หรอ 555 ตรงนี้จะมีคนมาคอยต้อนขึ้นไป มายคาเฟ่ มายคาเฟ่ (มาร้านฉันสิ มาร้านฉันสิ) ซึ่งก็เลือกไปคาเฟ่ตรงที่อยู่ตรงข้ามเลยค่ะ ชั้นบนสุด ได้วิวนี้มา

แล้วก็ไปต่อที่ City Palace Jaipur ห้อง blue room ในตำนาน ที่ค่าเข้าค่อนข้างแพงนะ พอไปเจอของจริงถึงกับอึ้ง ว่ามีแค่นี้เองหรอ (อารมณ์แบบห้องโถงธรรมดาที่มีการเพ้นท์สีฟ้าสวยๆ แค่นั้นจริงๆ) มันไม่ได้เป็นอารมณ์แบบการเข้าไปในแวร์ซายน์อะไรแบบนั้น ถ้าคนดูรูปแล้วคาดหวังไว้มากอาจจะผิดหวังได้

แต่บริเวณอื่นๆของ palace มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆเยอะนะคะ ซึ่งปอก็ไม่ค่อยได้มาเท่าไร เพราะคนเยอะมาก แล้วบางจุดคือคนอินเดียถ่ายรูปนานมากกกก จนเราเซ็งและเดินไปตรงอื่นเลยค่ะ ต้องขออภัยแฟนเพจด้วยนะคะ

วันที่ 3 วันนี้เป็นวันแห่งการเดินทาง เพราะต้องนั่งรถจากชัยปุระไปอัครา ใช้เวลาร่วม 4 ชั่วโมงครึ่ง ไปถึงก็ช่วงเย็นละคะ ไม่ได้ทำอะไรมาก แค่เดินเล่นรอบๆกับกินข้าวเย็นก็หมดเวลาแล้ว

แต่ แต่ แต่ ที่พักคืนนี้คืออลังการมากกกก ใครอยากตามรอย ที่นี่คือ The Oberoi amalas villa ไปดูบรรยากาศกันค่ะ (ขออภัยที่ส่วนใหญ่มีแต่รูปกลางคืน เพราะวันถัดไปเหนื่อยมากตื่นเช้าแล้วลืมถ่ายรูปช่วงกลางวัน 555) ย้ำว่านี่คือรูปข้างในโรงแรมค่ะ

แล้ววันนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรมากมาย พักผ่อน กินอาหารเย็น (เพราะเดินทางมาทั้งวัน เหนื่อย) ซึ่งแอบผิดหวังนิดนึงที่คนขับพามาไม่ทันก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ตอนแรกตั้งใจจะไปล่องเรือเเถวทัชมาฮาล แต่วันนี้รถค่อนข้างติดระหว่างทางที่มาก็เลยดีเลย์ไปนานพอสมควร เลยรีบนอน พรุ่งนี้ภารกิจเช้ามากก อีกอย่างคือชอบโรงแรมมากกกก สวยมาก ใหญ่มาก อยู่ในนี้เนี่ยล่ะค่ะ นานๆได้นอนดีๆสักที

วันที่ 4

วันนี้ตั้งใจตื่นเเต่เช้าเพื่อจะไปเข้าทัชมาฮาล (เพราะยิ่งสาย ยิ่งคนเยอะ) คือโชคดีที่โรงแรมใกล้มากๆ และมีรถรับส่งไปข้างหน้าด้วย วันนี้ไปถึงตรงประตูทางเข้าก่อน 6 โมงเช้า ซื้อตั๋ว รีบเข้าไป คนยังค่อนข้างบางเบา จะมีคนมาคอยเสนอตัวเป็นไกด์ราคาไม่แพง บรรยายเกี่ยวกับที่นี่ให้ฟัง ซึ่งเราก็โอเคค่ะ เค้าพาเดินนู่นนี่หลายจุด และมาจุดที่ประทับใจมากๆ พอได้แสงเช้ายิ่งฟินไปอีก คุ้มค่าที่ตื่นเช้าจริงๆค่ะ ภาพข้างล่างนี้ ได้มาจากการเดินเข้าไปในมัสยิดที่อยู่ทางซ้ายมือ ถ้าเราหันหน้าเข้าทัชมาฮาล จะมีช่างถ่ายภาพมาถ่ายรูปตรงนี้เยอะมากค่ะ ก็ขอให้เขาถ่ายให้ด้วยหลายๆชอต 55 คุ้มมากค่ะ แนะนำให้เตรียมชุดกระโปรงพริ้วๆไปนะคะ ปังมากกก

หลังจากเดินรอบทัชมาฮาล (จริงๆอยากขึ้นเรือชมวิวเมื่อวานนี้ด้วย แต่คนขับพามาถึงไม่ทันพระอาทิตย์ตกดินอย่างที่บอกไปข้างบน เลยเอาไว้มาเก็บตกรอบหน้าค่ะ เพราะรอบนี้มีเวลาไม่มาก) ก็ไปทานอาหารเช้าแล้วรีบเดินทางไปเดลีค่ะ กลัวเขาจะเลทแบบขามาอัครา ออกเดินทางตอนเที่ยงหลังเชคเอ้าท์ นั่งรถยาวๆอีก 4 ชั่วโมง (มีไฟลท์บินกลับคืนนั้น)   ขาไปเดลีไม่ดีเลย์ แต่คนขับแอบตุกติก คือจะเอาเราไปปล่อยไกลๆจากเมืองหน่อย เราก็แบบอะไร งง เค้าบอกว่าไปเปลี่ยนรถ เปลี่ยนคนขับ สรุปนางเทเราไปเลย ให้อีกคนมาขับโดยเค้าพูดอังกฤษไม่ค่อยได้ ณ ตอนนั้นก็แค่ภาวนาว่าไปส่งให้ถึงสนามบินก็พอ (ตอนแรกแพลนกันว่าจะให้เค้าพาขับรถรอบๆเดลีกับแวะกินข้าวก่อนไปขึ้นเครื่อง) แต่พอเปลี่ยนมาให้อีกคนที่พูดอังกฤษไม่ค่อยได้ ปอเลยขอเขาแค่ลงไปเดินเล่นนิดหน่อยกับหาข้าวเย็นกินก่อนไปสนามบิน ให้เค้าส่งและมารับอีก ชม นึงที่เดิม ตอนนั้นแอบกลัวเค้าไม่กลับมารับแล้วชิ่งไปเลย 555 แต่สุดท้ายยังมารับและไปส่งสนามบิน ก็จบทริปแบบลุ้นๆจริงๆค่ะ

บทสรุป

ทริปนี้เปลี่ยนความคิดที่ไม่ค่อยดีเกี่ยวกับอินเดียของปอไปเยอะพอสมควร อาจจะไม่ได้เจออะไรพีคๆ แบบที่คนอื่นเคยเล่าให้ฟัง ไม่เจอคนอึบนรางรถไฟ ไม่เจอคนหลอกแบบจริงๆจังๆ (คงจะมีแค่การสู้รบกับคนขับเนี่ยแหละที่เหนื่อยสุด ต้องลุ้นว่าจะมาถึงสนามบินมั้ย)

แต่สิ่งที่เอนจอยกลับเป็นอาหารแหะ แกงถ้าไปกินร้านที่ทำสดใหม่ร้อนๆกับแป้งนานนี่คือฟินมากกกก จบทริปแบบลุ้นๆและแค่ไม่ท้องเสียก็ดีใจมากละค่ะ อีกอย่างคือ ที่นี่ถ่ายรูปขึ้นมาก ได้รูปดีๆที่ชอบเยอะมาก เรียกได้ว่าไปทริปเดียวลงรูปได้สามเดือน 555 เดี๋ยวจะมีแพลนกลับไปอีก รอบนี้มีเวลาน้อยและถือว่าไปลองเชิง ออกจากกรอบความคิดที่กลัวไม่กล้าไปประเทศนี้ของตัวเองก่อน รอบหน้าอยากไปแบบผจญภัย ขึ้นรถไฟ ขึ้นขนส่งมวลชน ไว้มารีวิวเพิ่มเติมนะคะ สวัสดีค่าาา

 

You Might Also Like