เวลาเราขอวีซ่า สถานทูตต่างที่ก็จะขอเอกสารที่แตกต่างกันไป (ก่อนสมัครควรเชคกับเว็บไซต์ทางการของสถานทูตนั้นๆทุกครั้ง เผื่อมีการอัพเดตข้อมูล) แต่เอกสารหลักๆที่ตัวปอเองมีพร้อมเวลาขอวีซ่า มีดังนี้

  1. พาสปอร์ตเล่มปัจจุบันที่มีอายุเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน (นับจากวันที่จะเดินทาง) ถ้าพาสปอร์ตกำ้กึ่งใกล้หมดอายุ ควรตัดสินใจไปทำเล่มใหม่ค่ะ ไม่งั้นอาจจะมีปัญหาโดนปฏิเสธไม่ให้ยื่นขอวีซ่าหรือปฏิเสธการเดินทางจากสายการบินได้
  2. สำเนาพาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน (อันนี้ทำ copy ติดตัวไว้กันเหนียวตลอด ถ้าไปขอเชงเก้น สถานทูตบางประเทศเค้าจะขอ 2 ใบ) ปอเอา copy ไปเผื่อตลอดเวลาไปยื่นขอวีซ่า เพราะถ้าเอาไปไม่พอจะต้องไปเสียตังค่าถ่ายเอกสารที่นั่นซึ่งราคาต่อหน้าก็แพงอยู่ค่ะ
  3. รูปถ่าย : ควรดูข้อกำหนดของสถานทูตให้แน่ชัด เลือกร้านถ่ายรูปที่ดูน่าเชื่อถือ เพราะเค้าจะรู้ว่าควรถ่ายรูปยังไงให้ผ่านเกณฑ์ค่ะ บางสถานทูตที่ค่อนข้างเข้มงวด เช่น อเมริกา อาจจะให้เราไปถ่ายรูปใหม่หากรูปไม่ผ่านเกณฑ์ที่เค้ากำหนดค่ะ
  4. เอกสารรับรองการทำงาน (สำหรับคนที่ทำงานบริษัท หรือราชการ) โดยเอกสารที่ดีควรเป็นภาษาอังกฤษ หัวกระดาษเป็นตราบริษัทพร้อมที่อยู่ เบอร์โทรหรืออีเมล์ติดต่อ  ในส่วนของเนื้อหาหนังสือรับรองมีการระบุชื่อของเราที่ตรงกับพาสปอร์ต, ตำแหน่งงาน, อายุงาน, เงินเดือน และระบุว่าอนุญาตให้เราเดินทางในช่วงที่เราขอวีซ่าไปประเทศนั้นๆได้ หากเราทำงานฟรีแลนซ์แบบมีบริษัทเป็นของตัวเองก็สามารถยื่นเอกสารเกี่ยวกับบริษัทของเราได้
  5. หนังสือรับรองเกี่ยวกับการเงิน : แต่ละสถานทูตจะมีข้อกำหนดแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่จะเป็น Bank guarantee หรือ statement ที่โชว์การเคลื่อนไหวการเงิน 3 เดือนหรือ 6 เดือน ซึ่งแต่ละธนาคารก็จะมีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไป ที่เคยขอคือของธนาคารกรุงไทย ค่าบริการฉบับละ 100 บาทค่ะ  นอกจากนี้ยังยื่นเอกสารสลิปเงินเดือนไปเพิ่มเติมด้วย                                                                คำถามที่โดนถามเยอะมาก คือ ต้องมีเงินในบัญชีเท่าไหร่ถึงขอวีซ่าผ่าน? อันนี้ไม่มีคำตอบที่แน่นอนค่ะ แต่ต้องมั่นใจว่าจำนวนเงินเพียงพอครอบคลุมระยะเวลาเดินทางของเรา (กรณีที่เราสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้ตัวเอง)  สำหรับคนที่มีเงินเยอะๆเข้าออกบัญชีปกติก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แต่คนรายได้น้อย แล้วสถานทูตขอสเตทเม้นท์แบบ 3 หรือ 6 เดือน ควรเตรียมบัญชีให้มีเงินเข้าแบบสม่ำเสมอ ให้ดูน่าเชื่อถือว่าเรามีเงินเพียงพอในการเดินทางค่ะ  บางประเทศอาจจะมีข้อกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำต่อวันที่ควรมี เช่น วันละ 80 ยูโร ถ้าเราไป 10 วัน อย่างน้อยที่ควรมีคือ 800 ยูโร (แต่มีมากกว่านี้ก็จะทำให้โอกาสได้วีซ่ายาวขึ้นมากขึ้นค่ะ)
  6. ประกันการเดินทาง : สิ่งนี้สำคัญมากค่ะ ไม่ว่าจะไปประเทศที่ขอวีซ่าหรือไม่ (ส่วนใหญ่ประเทศที่ต้องขอวีซ่าจะให้เราซื้อประกันการเดินทางค่ะ) ปอก็จะมีประกันการเดินทางสำหรับทุกทริป (ซื้อรายปีไปเลยถ้าเดินทางบ่อย) ไม่มีใครรู้จะเกิดอะไรขึ้นระหว่างการเดินทาง การไปเจ็บป่วยในต่างประเทศไม่ใช่เรื่องสนุกเลยค่ะ แถมบางประเทศค่าใช้สูงมากกกก
  7. เอกสารการจองที่พัก : ส่วนใหญ่จะเลือกเเบบที่สามารถยกเลิกได้ฟรี กันเหนียวกรณีขอวีซ่าไม่ผ่านค่ะ
  8. เอกสารการจองตั๋วเครื่องบิน : จะใช้วิธีจองแบบยังไม่ต้องจ่ายเงินก่อน มีบางสายการบินที่เราสามารถทำได้ เช่น KLM หรือไม่ก็ทำผ่านเอเจนซี่ซึ่งอาจจะมีค่าบริการประมาณ 500 บาท
  9. แผนการเดินทาง : อันนี้จะช่วยให้ทางสถานทูตมั่นใจมากขึ้นว่าอย่างน้อยเราทำการบ้านมานะ ว่าจะไปไหน ทำอะไรบ้าง
  10. จดหมายแนะนำตัวเอง : มีประโยชน์มากในกรณีที่เราเป็น freelance เพราะสามารถเล่าเรื่องราวของเราให้สถานทูตเห็นภาพมากขึ้นได้ อาจจะเล่าไปว่าทำงานอะไร ได้เงินเดือนละประมาณเท่าไร จะไปที่ไหนบ้าง
  11. เอกสารอื่นๆที่ช่วยแสดงว่าเราจะกลับไทย : ตัวอย่างเช่น หากเราผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนคอนโด ก็สามารถยื่นเอกสารนี้ไปเพิ่มเติมได้ช่วยทำให้เห็นว่ามีภาระผูกพันนะ ไม่โดดวีซ่าแน่นอน

ทั้งนี้ทั้งนั้น ย้ำอีกทีว่าให้เชคเอกสารทุกอย่างตามรายการที่สถานทูตแจ้งไว้บนเว็บทางการอีกครั้ง เพราะแต่ละที่มีเงื่อนไขในการขอที่แตกต่างกันไปค่ะ

 

 

You Might Also Like