สวัสดีค่า วันนี้จะมารีวิวความฟิน ความเว่อวังอลังการของการเดินทางด้วยชั้นเฟิร์สคลาส (First Class) หรือที่นั่งโดยสารที่ดีที่สุดของเครื่องบินพาณิชย์ลำนั้นๆค่ะ โดยสายการบินที่ปอมีโอกาสได้ลองก็คือ สายการบินเอมิเรตส์ค่ะ (เป็นสายการบินอันดับต้นๆในดวงใจอยู่แล้ว) ซึ่งปี 2019 ที่นั่งแบบ First class ของเอมิเรสต์ติดอันดับ 6 จากสายการบินทั้งหมดค่ะ (จัดอันดับจาก Sky track) ส่วนเล้าจน์ของเค้าติดอันดับ 8 ถือว่ามีรางวัลการันตีความดีงามอยู่ค่ะ
หลังจากที่เราสะสมทั้งไมล์ต่างๆ รวบรวมมาจนอัพเกรดได้เป็นชั้นเฟิร์สคลาส (เป็นไฟลท์ที่ฟินมากจริงๆ เข้าใจฟีลคนรวยๆ ที่เค้าเดินทางตลอดเวลาแล้ว ว่ามันไม่เหนื่อยเท่าการนั่งอีโคแบบที่ปอนั่ง ฮ่าๆ) ราคาตั๋วเฟิร์สคลาสดูไบ-กรุงเทพจะอยู่ที่ขาละเกือบๆแสนบาท – แสนกลางๆ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เราเดินทางค่ะ (ได้ยินราคาก็ขนลุกแล้วเด้อ) ทางลัดก็คือใช้แต้มต่างๆนี่ล่ะค่ะ แลกเข้าไป ฮ่าๆ
ในรีวิวนี้ปอจะแบ่งเป็นการบริการก่อนขึ้นเครื่อง ระหว่างรอขึ้นเครื่อง (เล้าจน์) และบริการที่ได้รับบนเครื่องค่ะ มาดูกันค่ะ ว่าจะหะรูหะราขนาดไหน
-
ก่อนขึ้นเครื่อง
ปัจจุบันนี้มีแค่ไม่กี่สายการบินที่ยังมีบริการรถลีมูซีนคอยรับส่งเมื่อเรานั่งตั๋ว Business หรือ First class ค่ะ Emirates ก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งบริการนี้เราสามารถเข้าไปจัดการได้ใน account Emirates ของเราหลังจากซื้อตั๋วแล้ว โดยจะมีรายละเอียดให้เรากรอก สถานที่รับส่งในการเดินทางสำหรับไฟลท์นั้นๆค่ะ คือดีย์มากจริมๆ รถสำหรับ First class ที่เจอจะเป็น Mercides S-Classs, BMW series 7 เป็นต้นค่ะ คนขับก็สุภาพและ Professional มาก ตรงเวลาและขับรถดีค่ะ ย้ำนะคะว่านี่คือ ฟรี! ฟรีค่ะ (บริการนี้ถ้าเรียกลีมูซีนของแต่ละประเทศราคาก็จะสูงมากๆค่ะด้วยรถหรูหราแบบบนี้ แถมไม่ต้องกังวลหาทางไป-กลับที่พัก ไม่ต้องแบกกระเป๋าเอง มีคนมาคอยรอรับ ถือว่าเป็นสิทธิประโยชน์ที่คุ้มมากค่ะ)
ถ้าเราเชคอินที่สนามบินดูไบ เค้าจะมีชั้นเชคอินแยกให้สำหรับคนที่เดินทางชั้น Business และ First Class คือสะดวก รวดเร็ว คนไม่เยอะด้วยค่ะ ถือว่าเป็น Fast track ที่ดีงามมากๆ
เดินลากกระเป๋าเข้าพรมแดงไปเชคอินเกร๋ๆได้เลยค่ะ ฮ่าๆ นานนนนนน นาน ได้นั่ง First class สักที
ได้ตั๋วแล้วก็ไปกันต่อเลยค่ะ เดินไปหาเล้าจน์กัน
2. บริการระหว่างรอขึ้นเครื่อง (Lounge)
ด้วยความที่สนามบินที่ดูไบเป็น Hub ของสายการบิน สนามบินของเค้ายิ่งใหญ่อลังการมาก มีเล้าจน์เเยกกันของ Business และ First คลาสแทบทุก concourse ซึ่งแต่ละที่ก็ใหญ่และมีความเป็นส่วนตัวมากค่ะ ความพิเศษที่ปอชอบมากๆก็คือ เราสามารถเดินไปขึ้นเครื่องจากเล้าจน์ได้เลย สะดวกมากๆไม่ต้องคอยกังวลเดินออกไปหาเกทอีกที สำหรับ First Class มี duty free ด้านในเล้าจน์, ห้องอาบน้ำ, ห้องทานอาหาร, บาร์, cigar bar, ห้องคอมพิวเตอร์ และอื่นๆอีกมากมาย เดี๋ยวปอจะทำรีวิวเล้าจน์อย่างเดียวแยกให้อ่านกันค่ะ มาชมบรรยากาศรอบๆดีกว่า
โดยอาหารสำหรับ First class สามารถสั่งอาหารจากเมนูและมีเชฟทำให้สดใหม่ทุกจาน หรือถ้าเรารีบจะไปตักเองจากอาหารปรุงสุกพร้อมทานก็ได้ค่ะ
อันนี้เป็นบรรยากาศจากเล้าจน์อีกที่ที่เล็กกว่าค่ะ ถ้าเรามีเวลาเยอะ ก็เข้าไปสำรวจเล้าจน์ต่างๆหาที่ที่เราชอบมากที่สุดเพื่อพักผ่อนก่อนขึ้นเครื่องได้ค่ะ
3. หลังจากพักผ่อนหย่อนใจแล้ว มาถึงความฟินขั้นต่อไปค่ะ คือ บริการบนเครื่องงงง
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าบริการแบบ First class คือจะทำให้เราลืมการนั่งที่นั่งโดยสารชั้นอื่นไปเลย (ก็แน่สิคะ ถ้าบินต้องจ่ายราคาแพงกว่าชั้นอื่นหลายเท่า) ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งที่มีความเป็นส่วนตัวมากๆ อาหารที่เลือกทานอะได้หลากหลาย สายแอลกอฮอล์ก็ดื่มฟินๆกันไป สายนอนก็นอนหลับเต็มตื่น ด้วยชุดเครื่องนอนของเค้า ไปค่ะ พร้อมฟินกันรึยังคะ เริ่มต้นจากการเดินขึ้นเครื่องก็จะมีทางเดินแยกออกไปให้เราเลี้ยวซ้ายโลดดดด
หลังจากนั้นพนักงานต้อนรับก็จะยิ้มแย้มแจ่มใส ไฮๆ เวลคัมเเบคทูเอมิเรตส์ พร้อมพาเราเดินไปที่ที่นั่งของเรา ซึ่งวันนี้ 1A เดินสองก้าวก็เจอเลยค่ะ (สมัยอีโคโนมีเดินเเทบสุดเครื่อง 55) ความหรูหราข้างหน้าที่มีอยู่จริงกับไฟลท์ยาวๆ 6 ชั่วโมง ที่แพลนว่าจะนอนครึ่งนึง ใช้ความบันเทิงบนเครื่องครึ่งนึง ซึ่งที่นั่งของเรามีประตูปิดได้ค่ะ ส่วนตัวไปอี้กก ฝั่งที่วางแขนก็จะมีมินิบาร์ให้เราไว้ดื่มเวลากระหาย โดยไม่ต้องเรียกแอร์ มีเครื่องคล้ายๆไอแพดที่เราใช้เป็นรีโมตควบคุมหน้าจอได้ค่ะ ด้านหลังเราจะมีที่นอนหมอนมุ้ง (ไม่มีมุ้งค่ะ 55) ที่เค้าจะมาจัดให้เราเมื่อเราหนังตาเริ่มหย่อน
แค่ป้ายที่นั่งที่ได้เห็นเมื่อเดินมาถึงก็หรูหราหมาเห่าแล้วค่ะ SUITE 1A ได้ความลักชูรี่มากๆ สมมงค่ะเอมิเรตส์
ส่วนฝั่งทีวีก็จะมี Snack bar ส่วนตัวไว้ให้กินกรุบกริบเวลาเราอยากของคาวหวาน ไม่ว่าจะเป็น มันฝรั่งทอด ชอคโกแลต ถั่วต่างๆ และขนมอีกหลายอย่างที่กินไม่หมด มีหูฟัง, set เครื่องเขียน และเซทน้ำมันอโรม่าเอาไว้หยดบนที่นอนให้
เท่านั้นยังไม่พอ คุณยังจะได้รับชุดนอนที่สามารถเลือกไซส์ได้ ผ้านุ่มใส่นอนสบาย, รองเท้าแตะที่พื้นมีขนนุ่มๆ พร้อมทั้ง ที่ปิดตาผ้าดี ไม่บาดผิวและดวงตาเวลานอน สมนาคุณเพื่อการนอนของเราค่ะ
ใช่ค่ะ สิ่งที่รอคอยได้มาถึงแล้ว น้องดอม เพริยองปี 2008 แชมเปญเทพราคาหลักหมื่นที่เค้าเสิร์ฟเราไม่อั้นค่ะ (ส่วนตัวไม่ได้ชอบแชมเปญมากมาย ก็ขอแก้วเดียวพอค่ะ)
Cheers !
นอกจากนี้ยังมีการเสิร์ฟอินผาลัมและกาแฟแบบอารบิก(ปอไม่กินกาแฟ) เพิ่มน้ำตาลในเลือดอีกสักนิดก่อน Take off ค่ะคุณผู้ชม
ชุด Vanity kit หรือพวกอุปกรณ์ใช้ในห้องน้ำสำหรับแปรงฟัน ครีม น้ำหอมต่างๆ อัดแน่นอยู่ในถุงนี้ค่ะ เค้าใช้ผลิตภัณฑ์ของ Bulgari ค่ะ ของผู้หญิงและของผู้ชายจะไม่เหมือนกันนะคะ ทั้งถุงและของข้างใน
เมนูทั้งเครื่องดื่มและอาหารก็หรูหรามาในสมุดหนาสีน้ำตาลค่ะ สามารถสั่งได้ตลอดไฟลท์ค่ะ (แต่ของบางอย่างอาจหมดได้ อันนี้เข้าใจได้ค่ะ)
สำหรับไฟลท์นี้ทานอาหารไป 2 มื้อค่ะ ด้วยความหิว อาหารมื้อแรก เลือกมา 3 อย่างค่ะ ซุปมะเขือเทศ สลัด และปลาแซลมอล รสชาติถือว่าโอเคค่ะ ไม่ได้อร่อยจนฟินมากเท่าสายการบินฝั่งเอเชียที่เคยลองมา
กินอิ่มจากมื้อแรกหนังตาเพิ่มหย่อน ขอให้แอร์มาปูที่นอนให้ค่ะ ก็ไปทำการเปลี่ยนชุดนอน ล้างหน้าแปรงฟัน กลับมา ที่นอนพร้อมแล้วค่ะ ดีงามมากกก จะเห็นได้ว่าเราปิดประตูได้แบบสนิทเลยค่ะ คือเป็นห้องจริงๆ ไม่เหมือนหลายสายการบินที่เป็นแค่ฉากกั้นเฉยๆ
ส่วนอีกมื้อนึงเป็นชุดอาหารเช้า เริ่มต้นจากชาก่อนค่ะ setting โต๊ะอาหารนี่อลังการกว่ากินที่บ้านอีกค่ะ ทำได้ดีมาก แล้วต่อด้วยผลไม้ และ omlet สำหรับมื้อนี้ค่ะ อาหารทำมาได้ดีพอสมควรเลยค่ะ คือไข่นี่เราสามารถเลือกได้ด้วยนะคะ จะเอาไข่แบบนี้ (คิดว่าแอร์เป็นคนประกอบอาหารบนเครื่อง) จบมื้อด้วยผ้าเช็ดมือและชอคโกแลต
ส่วนห้องน้ำบนเครื่องบินก็ดูดีไม่ใช่น้อยค่ะ เสียดายที่ไฟลท์นี้เป็นเครื่องบินแบบ boeing 777 ไม่ใช่ A-380 (มีห้องอาบน่ำบนเครื่องบิน ฟังไม่ผิดค่ะ เราอาบน้ำแบบ shower บนเครื่องได้ แต่เค้าจำกัดคนละ 20 นาที ซึ่งเอาจริงๆก็พอนะคะ สำหรับอาบน้ำเบาๆก่อนหรือหลังตื่นนอน) เพราะฉะนั้นไฟลท์นี้ก็จะมีแค่ห้องน้ำแบบธรรมดาค่ะ ก็กว้างขวางกว่าปกติและมีอุปกรณ์พวกแปรงสีฟัน ผ้าอนามัยไว้ให้ด้วยค่ะ
อีกหนึ่งอย่างที่เริศมากๆ คือ มี Sky bar อันนี้คือ sky bar ที่แท้ทรู เพราะเราสามารถมานั่งคุยกับเพื่อนและสั่งเครื่องดื่มได้แม้ว่าเราจะบินอยู่ก็ตามค่ะ ตรงนี้จะมีเครื่องดื่ม แอล ไม่มีแอลบางอย่าง snack ของกินเล่นตั่งต่างให้เราได้มาเอนจอยระหว่างบินค่ะ
โดยสรุปสำหรับการนั่งเฟิร์สคลาสไฟลท์นี้ รู้สึกว่าถ้าเรามีเงิน ก็อยากจะใช้บริการชั้นเฟิร์สคลาสนะคะ เพราะสิ่งที่ได้รับคุ้มค่าอยู่ (แต่คิดว่า Business น่าจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างเอื้อมถึง และความสะดวกสบายเพียงพอกับความต้องการของปอแล้ว แถมราคาถูกกว่านี้ครึ่งนึงได้) ดังนั้น ขอให้คะแนนในด้านต่างๆ ดังนี้ค่ะ
บริการ 9/10
สิ่งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก 10/10
คุ้มค่าคุ้มราคา 8/10
อาหาร 8/10 (รสชาติไม่ได้ฟิน แต่วัตถุดิบดี)
สำหรับรีวิวนี้ก็ขอจบเท่านี้นะคะ สำหรับใครชอบรีวิวสายการบินต่างๆแบบนี้ คอมเม้นท์รีเควสไว้ได้นะคะ จะเอามาให้ดูกันอีกแน่นอน