สวัสดีค่ารีวิวอาหารมาอีกแล้ววันนี้จะมานำเสนอร้านที่ได้ไปลองแล้วจัดว่าเด็ดมากเพราะได้รางวัลการันตีมิชลิน1 ดาวดังนั้นเรื่องรสชาติคือปังมากส่วนราคาก็ปัง(ปินาศ)เหมือนกัน ฮ่าๆ
ชื่อร้าน: Kitamura
รางวัล: มิชลิน1 ดาว
พิกัด: 1 Chome-16-27 Higashishinsaibashi, Chuo Ward, Osaka, 542-0083
เวลาทำการ: 16:00 – 22:00 ปิดวันอาทิตย์ (ควรจองก่อนไป)
ปกติเราจะคุ้นเคยกับสุกี้ยากี้ในรูปแบบคล้ายๆชาบูที่มีหม้อน้ำซุปแล้วเอาเนื้อสัตว์และผักใส่ลงไปใช่มั้ยคะแต่ร้านที่ปอจะพามาชิมที่นี่เป็นสุกี้ยากี้ในอีกรูปแบบนึงที่ปอไม่เคยเห็นมาก่อนเค้าจะเอาเนื้อไปย่างบนเตาแล้วเวลาทานคือจิ้มกับไข่สด! เดี๋ยวรายละเอียดจะเล่าต่อๆไปค่ะ
ความดีงามก็คือเนื้อเด็ดมากกกกกกกเอารูปมายั่วกันก่อน
ร้านKitamura เป็นร้านขนาดเก่าแก่ที่เปิดขายสุกี้ยากี้สไตล์คันไซมาตั้งแต่ปี1881 ที่ตั้งของร้านอยู่แถวย่านShinsaibashi ใจกลางเมืองOsaka โดยเค้าจะคัดสรรเนื้ออย่างดีมาเสิร์ฟในร้านโดยข้างในร้านมีห้องหลายห้องที่ไว้รองรับแขกที่มาทานอาหารให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวดีค่ะ
ใครจะมากินร้านนี้ก็แนะนำให้จองมาก่อนนะคะร้านเค้าเปิดแค่เฉพาะมื้อเย็น
ร้านหาไม่ยากค่ะพอมาถึงจะมีพนักงานคอยต้อนรับเราถามว่าจองมากี่โมงชื่ออะไรแล้วพาไปเข้าห้องส่วนตัวคือห้องใหญ่มากค่ะก็จะเป็นลักษณะการนั่งกับพื้นทานอาหารโดยข้างใต้โต๊ะเค้าจะเจาะเป็นช่องให้เอาขาหย่อนลงไปได้นั่งนานๆไม่มีเมื่อยแน่นอนมาดูบรรยากาศภายในห้องกัน
เมนูร้านนี้เหมาะสำหรับคนที่ปวดหัวเวลาเลือกเมนูอาหารค่ะเพราะมีอยู่แค่3 อย่าง
- Sukiyaki แบบคันไซราคาต่อคนอยู่ที่11,011 เยน(ประมาณ3,070 บาท)
- Mizutaki หรือhot pot สิ่งนี้ก็คล้ายกับสุกี้ยากี้ที่เราคุ้นเคยค่ะราคาต่อคนอยู่ที่11,011 เยนเท่ากัน
- Batayaki เป็นเนื้อย่างเช่นกันแต่เวลาทานคือจิ้มกับซอสถั่วเหลืองผสมหัวไชเท้าบดราคาต่อคนอยู่ที่12,100 เยน(ประมาณ3,380 บาท)
ซึ่งวันที่ไปเมนูเหลือแค่1 กับ3 ปอเลยเลือกต้นตำรับความโด่งดังของร้านนี้สุกี้ยากี้แบบคันไซมาลอง(ในใจก็คือกลัวนิดๆว่าจะกินได้มั้ยเพราะไม่ชอบกินไข่ดิบเลยกลัวคาว)
ก่อนอื่นก็มีของเรียกน้ำย่อยมาก่อน เป็นเนื้อที่อร่อยใช้ได้เลย เปิดต่อมน้ำลายได้ดี
พอสั่งอาหารไปไม่นานก็เริ่มยกอุปกรณ์มาค่ะเตาที่ย่างเป็นเตาNanbu sukiyaki iron pan ซึ่งเป็นเตาพิเศษของทางร้านถึงตอนนี้ก็ไม่งงแล้วค่ะสรุปคือสุกี้ยากี้แบบนี้คือลักษณะคล้ายกับปิ้งย่างที่เราคุ้นตาที่ไทยไม่มีหม้อไม่มีน้ำซุปนะจ๊ะ หลังจากนั้นพระเอกก็มาค่ะโอโหสายเนื้ออย่างปอถึงกับน้ำลายสอเห็นลายอันสุดสวยงามนั้นมั้ยคะแค่เห็นก็ฟินแล้วววว
โดยเครื่องเคียงที่ตามมาก็คือเต้าหู้วุ้นเส้นผักไข่ที่เอาไว้จิ้มและซอสที่ใช้ปรุงรสค่ะ (เค้าจะถามด้วยว่าเราจะรับซุปกับข้าวเลยมั้ย)
ตลอดการกินครั้งนี้จะมีพนักงานคอยทำอาหารและเสิร์ฟเรา(บางคนอาจจะรู้สึกเขินๆเวลาเรากินแล้วเค้าคอยมองว่าเรากินถูกต้องมั้ย) แต่สำหรับปอก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ดี
เริ่มต้นจากการที่พนักงานจะวอร์มเตาให้ร้อนแล้วเค้าจะใส่เนยลงไปค่ะ(ระหว่างนั้นเค้าจะบอกให้เราตีไข่รอไว้เป็นซอสจิ้มเนื้อและเครื่องเคียงนะคะ) และพอกระทะร้อนได้ที่จะเอาเนื้อลงไปย่างโดยมีการใส่ซอสน้ำตาลและสาเกละลายๆคลุกเนื้อไปมาชุ่มฉ่ำมากพอสุกได้ที่ก็บอกให้เราเอาจิ้มไข่กินได้เลย(โมเม้นท์แรกก็กลัวมากกลัวกินไข่ไม่ได้555) แต่พอเอาเข้าปากเท่านั้นแหละมีลำแสงออกมาจากปากได้เลยเพราะอร่อยมากกกละลายในปากฟินมากไม่อยากให้เนื้อหมดเลย(ถ้ากิน2 คนเนื้อจะพอสำหรับปิ้งได้3 รอบ)
พอปิ้งเนื้อจบรอบแรกเค้าจะเริ่มเอาเต้าหู้ผักและวุ้นเส้นลงไปใส่ซอสสูตรเดิมวนไปแบบนี้จนทุกอย่างหมดค่ะอาจจะดูไม่เยอะแต่อิ่มนะคะ(ผู้ชายอาจจะไม่อิ่มอะปอคิดว่าแต่ความฟินคือรับประกัน)
แม้ว่าราคาจะแรงมากกก แต่ก็เป็นประสบการณ์ดีๆที่ได้กินเนื้อที่ฟินมากกกระดับได้ดาวมิชลินแถมมีคนมาทำให้กินแบบถูกต้องไม่สุกเกินไปด้วยบริการก็ประทับใจค่ะโดยรวมคือรู้สึกคุ้มค่ากับมื้อนี้
ใครไปโอซาก้าก็อยากให้ไปลองชิมกันดูนะคะ