สวัสดีค่า รีวิววันนี้มาบอกต่อความดีงามของการไปเที่ยวต่างประเทศที่ไกลออกไปจากโซนประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว พม่า กัมพูชา แต่วันนี้ปอจะพาบินตรงไปเที่ยวเมืองดาลัด ประเทศเวียดนามกันค่ะ ไปคนเดียวได้ง่ายๆชิวๆ ปลอดภัย สะดวก ไม่โดนโกงด้วย เป็นยังไง มาดูกันค่า

1) การเดินทาง  อยากบอกว่าจากกรุงเทพมีไฟลท์บินตรงของสายการบินไทยเวียดเจท “กรุงเทพ-ดาลัด” บินแค่ 1.5 ชม ก็ถึงแล้วค่ะ ชิวมากๆ แถมช่วงโปรราคาตั๋วไปกลับประมาณ 1,500 บาทเอง (ถูกกว่าบินในประเทศบางที่อีกเนอะ) ถือพาสปอร์ตซื้อตั๋วมาได้เลย ไม่ต้องใช้วีซ่าอยู่ได้ 30 วัน

2) สภาพอากาศ  เนื่องจากดาลัดเป็นเมืองที่อยู่บนเขา อากาศจึงเย็นสบายแทบทั้งปี ตอนปอไปมีฝนตกนิดหน่อยเพราะเป็นหน้าฝน เจอเพื่อนฝรั่งที่โฮสเทลบอกว่าเพิ่งมาจากฮานอยร้อนมากๆ พอมาถึงดาลัดอากาศดีมากเลย

3) การเดินทางในตัวเมือง สามารถเดินเล่นรอบๆ หรือถ้าขี้เกียจเดินอาจจะเช่ามอเตอร์ไซด์หรือแม้แต่ใช้ Grab bike ค่ะ สะดวกเเละถูกมาก อยากให้ซื้อซิม เอาไว้เรียกแกรบเลย มีประโยชน์กับการเดินทางคนเดียวมากๆ  หรือถ้าไปกับหลายคนก็นั่งแทกซี่ได้นะคะ เมืองนี้แทกซี่ดีมากๆกดมิเตอร์ทันทีไม่ต้องถาม

4) ที่พัก ที่นี่มีโรงแรมและโฮสเทลให้เลือกเยอะมากๆๆๆ ราคาก็ย่อมเยาสุดๆ ปอนอนโฮสเทลราคาคืนละ 200 บาทสะอาดและบริการดีมาก

5) ผู้คน คือยอมรับว่าประทับใจมากๆ อันนี้เป็นการมาเวียดนามครั้งที่ 2 จากครั้งแรกที่รู้สึกไม่ค่อยดีกับคนที่ฮานอย รู้สึกเค้าพยายามจะโกง หรือโก่งราคาเราตลอด มาที่นี่ตกใจมาก เค้าไม่คิดตุกติกบวกอะไรเพิ่ม แม้แต่ปอขึ้นแทกซี่ ขึ้นแกรบแบบไม่เรียกผ่านแอพก็ให้ราคาตามจริง ประทับใจมากจริงๆค่ะ

6) เงิน ที่นี่ใช้เงินดองค่ะ เหมือนว่าแลกเป็น USD จากไทยมาแล้วมาแลกแบงค์ที่นี่จะได้เรตดีกว่า แต่ปอเน้นสะดวกเลยแลกเงินดองมาจากไทยเลยค่ะ เพราะไม่ได้ใช้จ่ายอะไรเยอะ ไม่แตกต่างกับอัตราแลกเปลี่ยนมากเกินจะรับได้อยู่แล้ว ทริปนี้แลกตังมาทั้งหมด 1500 บาท สำหรับ 3 วันค่ะ (ปอตีหยาบๆไปว่า 10,000 ดองเท่ากับ 15 บาท ณ อัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้น คูณจะได้ง่ายๆ)

7) มากี่วันดี?  สำหรับปอ 3 วันคือเวลาที่โอเคสำหรับการได้ดูที่เที่ยวต่างๆแบบสบายๆ แต่ถ้าแพลนดีๆ 2 วันก็เที่ยวครบได้ค่ะ (ปอออกไปเที่ยวนอกเมืองนิดนึงด้วย)

8) โปรแกรมการเที่ยว 

Day 1 : ถึง Da Lat / เดินเที่ยวในเมือง/ ไปจุดชมวิว Lang biang
Day 2 : Da Lat city tour / night market
Day 3 : ชิวๆ และเดินทางกลับ

9) มาแล้วซื้อของฝากอะไรดี?   ดาลัดจะดังอยู่ 5 อย่างหลักๆ คือ สตอเบอรี่, ไวน์ , ชาอู่หลง, ชาอาทิโชค และ กาแฟ

มาเริ่มเดินทางเลยดีกว่าค่ะ

สำหรับไฟลท์บินจากสุวรรณภูมิไปถึงสนามบินดาลัดช่วงเที่ยงนิดๆ สนามบินเล็กกะทัดรัด ผ่าน ตม ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งพอผ่าน ตม ถ้าใครโหลดกระเป๋าก็รอรับ แล้วการเข้าเมืองของเราจะใช้บริการรถบัสค่ะ เพราะราคาเป็นมิตรแค่ 40,000 ดอง(ประมาณ 60 บาท)เท่านั้น

รถบัสสนามบิน ออกมาจากประตูจะเจอเลย
รถจะพาเราไปส่งตรงโรงแรม Ngocphat hotel ซึ่งอยู่ตรงข้าม Big C ค่ะ ถ้าที่พักเราอยู่ในเมือง ตรงนี้จะมีมอเตอร์ไซด์รับจ้าง แต่ปอเดินไปประมาณ 15 นาที ลัดเลาะริมน้ำชมเมืองไปในตัว
สถานที่จอดรถบัสสนามบินค่ะ จะไปหรือกลับก้มาขึ้นตรงนี้

และแล้วก็มาถึงที่พัก มีหลงบ้าง ถามทางคุณลุงข้างทางเอา 55 เจอร้านกาแฟหน้าซอยที่น่ารักมากๆไว้จะมาจัดแน่นอน

บริเวณรีเซปชัน น่ารักมากๆ
คืนนี้ 200 บาทเท่านั้น

พอมาถึงโฮสเทลก็ไม่มีแผนว่าจะไปไหนอะไรยังไง ปอเลยไปเดินสำรวจตามร้านที่ขายทัวร์เอามาเป็นไอเดีย เเล้วก็คิดว่าไหนๆวันนี้เราเหลือครึ่งวันก็จะไปลองเดินชมเมืองกับไป Lang biang ซึ่งเป็นจุดชมวิวสวยๆของเมืองนี้ ปอนั่งคิดอยู่พักนึงว่าจะไปยังไงให้ถูกที่สุดเพราะออกไปจากเมืองประมาณ 20 นาที สุดท้ายก็คิดว่าจะเรียกแกรบไบค์ไปเพราะราคาแค่ 50,000 ดอง หลังจากนั้นก็มาคิดว่าพรุ่งนี้จะไปเที่ยวยังไงดี (ถ้าให้ดีแพลนมาจากไทยก็จะไม่เสียเวลาตรงนี้นะคะ แต่ปอชอบมาหาดูข้างหน้าเอา เผื่อมีอะไรน่าสนใจกว่า) สรุปว่าไปเจอดีลเป็นคล้ายๆทัวร์ที่พาเราไปที่ต่างๆ รวมกับค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว เป็นรถบัสคันเล็ก โดยสถานที่ที่จะไปใน 1 วันมี Bao Dai’s summer palace, Cable Car, Truc Lam Meditation centre, Tuyen Lam lake, Dalanta Waterfall, flower show room, Flower garden, Van Hahn Zen Institute และ Dalat cathedral ในราคา 150,000 ดอง (คุ้มมากๆ บางคนอาจจะได้ราคาถูกกว่านี้แต่ปอโอเคกับรถที่นั่งได้ 12 คน กับความขี้เกียจเดินหาเยอะกว่านี้เลยเอาเลยค่ะ) ซึ่งดูแบบนี้ได้ไปเที่ยวตั้ง 9 ที่ แต่เอาจริงๆแล้วที่เที่ยวที่ปอชอบมีไม่กี่ที่เอง 555 ถ้ามาอีกทีอาจจะเช่ารถขับไปเที่ยวเองได้แล้ว เพราะพอรู้ทาง (ของบริษัท Hana Dalat tour; hanadalatour@gmail.com)

หลังจากนั้นปอก็ไปเดินเล่นรอบๆเมือง เติมพลังกันด้วย bahn mee ร้านนี้อร่อยมากๆ ราคาไม่แพงด้วย
ปอเลือกเป็นใส่หมูแดงราคา 15,000 ดอง (ประมาณ 25 บาท)

 

อร่อย ถูกและดี

ช่วงบ่ายแก่ๆเกือบสี่โมงเย็นก็นั่งมอเตอร์ไซด์ไป Lang biang พี่แกรบคิดราคาแค่ 50,000 ดอง (ปอไม่ได้จองผ่านแอพ) ถึงแม้จะคุยกันไม่รู้เรื่องแต่เค้าก้หยิบแบงค์ขึ้นมาโชว์ให้เราดู

หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าไปจุดชมวิว (ปอกะว่าจะไปให้ทันพระอาทิตย์ตกดิน) ชมวิวระหว่างทาง

ใช้เวลานั่งแว้นไปประมาณ 20 นาทีก็มาถึงค่ะ ปอเข้าไปซื้อตั๋วและยังไม่รู้ว้าหายนะของตัวเองกำลังจะเกิดขึ้น 555

 

ค่าเข้า 30,000 ดอง

หลังจากนั้นปอก็มองไปรอบๆเห็นรถจีป ก็คิดว่าคงมีไว้ให้ทัวร์ขึ้นไป เราดูแผนที่ก็เอ้อไม่ไกลเดิน 2 กม (ความซุ่มซ่ามที่ไม่อ่านให้ดี หายนะกำลังมาค่ะ)

หลังจากนั้นก้ไฟแรงคิดว่าเดิน 2 กม ไม่หนักหนาอะไรผ่านสนามการปีนเขามาบ้าง เดินไปเรื่อยๆ จนครึ่ง ชม แล้วก็ยังรู้สึกว่าไม่ไปถึงไหน แถมทำไมไม่มีใครเดินขึ้นเขาแบบเราเลย 555

 

หนึ่ง ชม ผ่านไปก็ยังไม่รู้สึกคืบหน้า เราก็ไปซูมดูรูปป้่ายแผนที่ที่ถ่ายไว้ เห้ย มันไม่ใช่ระยะทาง 2 กม แต่มันคือความสูง 2 กม 55555 ความโป๊ะของตัวเอง เอาไงล่ะ เดินขึ้นมาครึ่งทางแล้ว จะลงก็คงไม่เอาละ เดินต่อไปละกัน ระหว่างนั้นก็มีรถจีปขึ้บผ่านเราไปคันแล้ว คันเล่า

อยากไปด้วยแล้วค่ะ จอดหน่อยสิ 555

ระหว่างทางก็พักถ่ายรูปบ้าง ทะเลาะกับวัวบ้าง (คือกลัวมันมาขวิดมากๆ ณ ตอนนั้น ไ่มีใครอยู่ตรงนั้นด้วย)

 

มองหน้าหาเรื่องหรออออ

ไอเราก็เทรคขึ้นไปเรื่อยๆ เอาจริงๆทนได้กับการเดินนะคะ แต่พอเริ่มมืดเริ่มกังวลว่าเราจะลงทันมั้ย จะรอดมั้ย 555 หลังๆรถเริ่มไม่มี ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ คิดว่าเราคงไม่ตายบนนี้หรอกมั้ง

สุดท้าย….. แท้แด เราก็เดินขึ้นมาถึงตอนประมาณ 18.30 น (เริ่มเดินตอน 16.30 น) 5555 วิบากกรรมของคนที่ไม่ดูให้ดี รู้ยังงี้ก็ขึ้นรถจีปมาแล้ว ชอบความลำบากดีนักเป็นไงล่ะ

ปากทางเข้ามีม้าต้อนรับปออยู่ 555
มาถึงตรงนี้ได้ น้ำตารื้นเลยค่ะ รอดแล้ว
ข้างบนวิวสวยมากๆ

ความกังวลที่ไม่จบสิ้น คือคิดว่าเราจะลงยังไง มืดแล้ว โชคดีมากๆ มีคู่รักชาวเวียดนามนั่งรถจีปขึ้นมา เราก็ไปขออาศัยเค้าติดรถลงมาด้วย คือเค้าพูดอังกฤษไม่ได้เลย เราก็ภาษามือไป เค้าเข้าใจด้วย 55 ดีใจมากๆ รู้สึกวันนี้โชคดีจริงๆ แล้วก็ไปถ่ายรูปได้

ที่นี่วิวเห็นทั้งเมืองเลยค่ะ คุ้มค่ากับการมามาก
โรแมนติคใช้ได้เลยนะคะ คู่รักมาสวีทกันได้
บางมุมก้สวยเหมือนในนิยาย

และแล้วก็รอดลงมาได้แบบหวุดหวิด 55 ไม่แนะนำให้เดินเทรคขึ้นตอนใกล้ค่ำแบบปอนะคะ ถ้าจะทำควรทำตอนกลางวันหรือนั่งรถจีปดีกว่า (ตอนนั่งรถจีปลง 15 นาที เท่านั้น จิร้องไห้)  แล้ววันพีคๆของปอก็จบไปค่ะ ขอลาไปด้วยภาพนี้


วันที่ 2 ซื้อ DaLat city tour 

โปรแกรมวันนี้ คือ (Bao Dai’s summer palace, Cable Car, Truc Lam Meditation centre, Tuyen Lam lake, Dalanta Waterfall, flower show room, Flower garden, Van Hahn Zen Institute และ Dalat cathedral ) ยาวๆกันไปเริ่มกันตอน 8.00 จบประมาณ 17.00 น.

พร้อมแล้วก็เริ่มกันเลย

ที่แรกที่เค้าพาไปก็คือ Bao Dai’s summer palace เป็นวังที่กษัตริย์เคยอยู่ โดยยังเก็บรักษาสถานที่ต่างๆไว้อย่างดี ตอนเข้าต้องใส่ถุงคลุมเท้าไป ห้องนอนต่างๆของท่านน่าประหลาดใจที่เตียงเล็กมากๆ คิดว่าท่านน่าจะมีรูปร่างที่ค่อนข้างตัวเล็ก

ถ้าคนที่ชอบประวัติศาสตร์น่าจะสนใจที่นี่ค่ะ คนขับก็เรียกเราขึ้นรถหลังจากอยู่ที่นี่ประมาณ ครึ่ง ชม เพื่อไปดูโบสถ์กันต่อ

จุดเด่นคือ จะมีไก่อยู่บนยอดไม้กางเขนค่ะ

หลังจากนั้นก็ไปต่อ คือ cable car โดยเราต้องจ่ายตังเพิ่ม คนละ 60,000 ดองเป็นค่าขึ้น

 

วิวตรงนี้ก็สวยใช้ได้เลยค่ะ

น่าประทับใจมั้ย ก็ไม่ได้ว้าว แต่วิวก็พอใช้ได้ค่ะ ถ้าไม่ได้ขึ้นก้คิดว่าไม่ได้พลาดอะไรสำคัญไป ปอว่าวิวตรงทางขึ้นเคเบิลสวยสุด 555

เมื่อเคเบิลคาร์ขึ้นไปสุด เราเดินไปอีกนิดจะเจอ meditation centre เป็นศูนย์วิปัสนา ภายในบรรยากาศร่มรื่น แต่ค่อนข้างร้อนเพราะไม่ได้มีต้นไม้ใหญ่มาก มีสวนดอกไม้ให้ถ่ายรูปด้วยค่ะ

Add caption

ที่ต่อไปเราจะไปน้ำตกกัน น้ำตกนี้ชื่อ Datanla ซึ่งไม่ได้ใหญ่มาก แต่การที่จะไปสามารถนั่ง roller coaster ไปได้ ปอว่าสนุกดีค่ะ คุ้มที่ลอง

 

มื้อกลางวันนี่ล่ะที่จะแพง เพราะเค้าจะพาเราไปร้านค่อนข้างหรู ปอสั่งข้าวผัดกับโค้กหมดไป 105,000 ดอง (ที่แปลกใจคือเมนูซุปหัวงู)

 

รสขาติใช้ได้ค่ะ

ที่ต่อมาเป็น Van Hanh Zen Institute ซึ่งน่าแปลกใจที่มีคนรัสเซียมาทำบุญกับที่นี่เยอะมาก ตอนปอไปเจอทัวร์รัสเซีย และที่เก้าอี้ต่างๆก็มีชื่อคนรัสเซียบริจาคเต็มวัดไปหมดเลย

 

 

ชื่อคนรัสเซียที่เก้าอี้วัด

ส่วน Flower show room กับ garden เอาตรงๆ ปอไม่ได้ประทับใจเท่าไร เหมือนพาไปร้านขายของค่ะ สวนดอกไม้ก็ไม่ได้สวยมาก ที่ไทยสวยกว่านะ

show room
ตอนปอไปฝนตกด้วย เลยไม่ได้ดื่มด่ำเท่าไรค่ะ
จบทริปก็แอบเหนื่อยค่ะเพราะทั้งตากฝนนิดๆและเที่ยวทั้งวัน เลยพักที่โฮสเทลแล้วออกไปตระเวณหาอาหารที่ Night market
เลิฟๆ โยเกิร์ตที่นี่มากมาย
ร้านน้ำเต้าหู้ 10,000 ดอง อร่อย คนขายพูดไทยได้นิดหน่อยด้วย
ปิ้งย่างค่ะ
พิซซ่าเวียดนามอร่อยมากๆ ปอชอบค่ะ
เป็นแป้งบางกรอบ ใส่ไข่ ใส่เครื่อง ใส่ซอสพริก
ส่วนอีกฝั่งจะขายเสื้อผ้า ราคาตามป้าย
จริงๆที่นี่ดังเรื่องหอยมาก เเต่ปอกลัวท้องเสียเพราะวันนั้นท้องไม่ค่อยดีเลยไม่ได้ลองค่ะ

อิ่มแปล้จากตระเวณกินหลายร้าน ก็กลับไป

พัก คืนสุดท้ายก่อนกลับ

วันสุดท้าย 
ปอนอนตื่นค่อนข้างสาย ไม่ได้คิดว่าจะไปไหนก่อนบินกลับ และนี่คืออาหารเช้าที่เล็งไว้จากคาเฟ่ที่ปออยากลองตั้งแต่วันแรก อร่อยมากๆชามนี้ โยเกิร์ตรสชาติดีมากๆเลยค่ะ เลิฟสุดในทริปละ 555
หลังจากนั้นก็เรียกแกรบไปตรงจุดขึ้นรถบัสไปสนามบิน อยากบอกว่าเมืองนี้น่ารัก น่ามาเที่ยวเสาร์อาทิตย์ชิวๆค่ะ แถมมีบินตรงจากไทยเวียดเจทด้วย สะดวกสุดๆ บินเหมือนไปเชียงใหม่แต่ได้ไป ตปท เก๋ๆ
สรุป ทริปนี้หมดไปประมาณ 3,xxx บาท ชอบมากประทับใจ บินมาชิวๆ ศุกร์เสาร์อาทิตย์ได้ อาหารอร่อย คนนิสัยดี อากาศดี ให้ไป 8/10 ค่า
….
บายบายเวียดนาม ครั้งนี้เรารักเธอมากกว่าครั้งที่แล้วเยอะเลย หวังว่าจะได้กลับมาใหม่อีกนะ 🙂

You Might Also Like