ทำไมต้อง Komodo island?
เพราะโคโมโดมีอีกชื่อนึงว่าเป็น Dragon แล้วน้องเป็นสัตว์ที่หายากค่ะ เมื่อเดือนก่อนปอเจอข่าวว่าอุทยานอาจจะขึ้นราคาตั๋วเข้า Komodo Island เป็น 500 usd (ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะเป็นจริงนะคะ เพราะเเพงเกินไป) แล้วบริเวณ Komodo National Park ยังมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติอยู่มาก ปอเปิดดูรูปสถานที่ใกล้เคียงก็แบบ เห้ย ทำไมมันสวยขนาดนี้ ยังงี้ก็ต้องไปละค่ะ
แพลนคร่าวๆ
วันที่ 1 บินไปบาหลี (DMK-DPS)
วันที่ 2 บินไป Labuan Bajo พักผ่อน (DPS-LBJ)
วันที่ 3 Day trip (Rinca island-Padar View point-Komodo island-Pink beach-Makassar-Manta bay)
วันที่ 4 บินกลับบาหลี (LBJ-DPS)
วันที่ 5 Day trip Nusa Penida (ขึ้นเรือไป Nusa Penida)
วันที่ 6 กลับไทย (DPS-DMK)
เป็นทริปที่เที่ยวง่าย สถานที่และวิวสวย ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับวิวที่ได้เห็น แถมทริปนี้สะดวกสุดๆไปกับบัตรเดบิต TMB ALL FREE ที่ไม่ต้องพกเงินสดไปเยอะ แถมได้เรทในการรูดที่ถูกอีกด้วย
การเตรียมตัว
ทุกครั้งที่มาอินโด ปอจะรู้สึกว่าการแลกเงินนั้
เทคนิคง่ายๆ ของปอคือเอาเงินเข้าบัญชี ตามงบที่เราตั้งไว้สำหรับทร
• ใช้จ่ายได้ทุกสกุลเงินทั่วโ
• ปลอดภัย ลดการใช้เงินสด
• สะดวกไม่ต้องแลกเงินไปเยอะ
• ฟรีประกันการเดินทางต่างประ
• หากจำเป็นต้องใช้เงินสด สามารถกดเงินสดที่ต่างประเท
• สามารถดูประวัติการใช้จ่ายย
• สามารถออกบัตรเดบิตได้ 2 ใบ เหมาะสาหรับสามีภรรยาที่ไปเ
โดยส่วนตัว ปอรู้สึกสะดวกและปลอดภัยมาก
![]() |
เป็นลูกรักใบใหม่แล้วค่ะ ใช้ที่ไทยก็ไม่เสียค่าธรรมเนียม |
วิธีเดินทางมาเกาะ Komodo
สนามบินที่ใกล้ที่สุด คือ สนามบิน Labuan Bajo (LBJ) แต่จากประเทศไทยไม่มีเที่ยวบินตรงมาสนามบินนี้ ทำให้เราต้องบินมาลงไม่ จาการ์ต้า ก็บาหลีก่อน เมื่อเทียบกันแล้วปอเลือกที่จะบินไปลงบาหลีก่อน เพราะมีที่เที่ยวที่ปอสนใจมากกว่า การเดินทางของปอเลยเป็น DMK-DPS-LBJ (กรุงเทพ-บาหลี-ลาบวนบาโจ)
![]() |
สายการบินไป Labuan Bajo จากบาหลี มี 3 เจ้าใหญ่ๆ Nam air, Wing air และ Air asia ค่ะ |
แล้วหลังจากนั้นต้องซื้อทัวร์ local ค่ะ การไปเที่ยวเองน่าจะลำบากมาก เพราะคนอินโดเองเวลาไปเที่ยวก็ต้องใช้ทัวร์เหมือนกัน โดยทัวร์จะเเบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆค่ะ คือ
1) ทัวร์แชร์กับคนอื่น (เท่าที่หาเจอราคาประมาณ 30 USD ++)
2) ทัวร์ private (เท่าที่หาเจอเรือแบบ speedboat ราคาตั้งแต่ 570 USD ขึ้นไปแล้วแต่ว่าหาได้ราคาถูก โปรแกรมโดนใจแค่ไหน)
![]() |
เรือ Speedboat แบบ private |
แน่นอนว่าข้อ 2 แพงกว่าข้อ 1 หลายเท่าตัว แต่ถ้าไปกันหลายคนเเนะนำให้เลือกทัวร์ไพรเวทเลยค่ะ เพราะเราสามารถเลือกโปรแกรมเองได้ ปรับเปลี่ยนได้ตามที่เราต้องการ หารกันกับเพื่อนนี่คิดว่าคุ้มมากนะคะ ราคาจะขึ้นอยู่กับโปรแกรมทัวร์ ประเภทเรือ(เรือช้า หรือ เรือ speedboat) ดูดีๆด้วยนะคะว่าราคารวมตั๋วค่าเข้าอุทยานรึยัง เพราะราคาสูงพอสมควรเลยค่ะ (แล้วราคาแต่ละวันไม่เท่ากัน คืองงมาก วันที่ปอไปจ่ายไปประมาณ 450,000 IDR)
![]() |
ตั๋วเข้าอุทยาน |
เมื่อเครื่องมาลงสนามบินลาบวนบาโจก็เป็นเวลาพระอาทิตย์ตกดินแล้วค่ะ สนามบินไม่เก่าค่ะ แถมชื่อมีเก๋ๆด้วย
![]() |
สนามบินลาบวน บาโจ |
![]() |
ได้มีโอกาสดูวิวพระอาทิตย์ตกดินที่ Labuan Bajo ระหว่างทางก่อนไปถึงที่พัก |
มาดูน้องโคโมโดที่เจอที่เกาะ Rinca กันก่อนค่ะ ที่เกาะนี้น้องจะตัวเล็กกว่า และเจอได้เยอะกว่า เพราะเกาะมีขนาดเล็กเลยหาง่ายกว่าค่ะ
มารู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของเจ้าโคโมโดกันสักหน่อยดีกว่าค่ะ
โคโมโดเป็นสัตว์ที่รักความสันโดษ จะไม่อยู่กันเป็นกลุ่ม โดยช่วง สค กย จะเป็นช่วงฤดูกาลผสมพันธุ์ โคโมโดจะหนีไปผสมพันธุ์ไกลๆในป่า โคโมโดออกลูกเป็นไข่ ใช้ระยะเวลาฟักไข่ 9 เดือน (เหมือนคนเลยเนอะ) โดยจะวางไข่ประมาณ 30 ฟองต่อครั้ง แต่มีอัตราการรอดแค่ประมาณ 20-25% เท่านั้น อาจจะเพราะโดนเหยี่ยวกิน โดยแม่โคโมโดกิน หรือโดนสัตว์ตัวอื่นมากิน โคโมโดจะขุดหลุมลึกประมาณ 2 เมตรเพื่อวางไข่ โดยมีการทำหลุมหลอกด้วยนะ หลังจากวางไข่ แม่โคโมโดก็จะคอยเฝ้าอยู่รอบๆหลุม พอฟักไข่แล้วโคโมโดจะอาศัยอยู่ตามต้นไม้ จนถึงอายุ 2 ปี หลังจากนั้นก็จะอาศัยตามพื้นดิน บนเกาะ Rinca มีโคโมโดอยู่พันกว่าตัว และที่เกาะ Komodo ก็มีอยู่ประมาณพันกว่าตัวเช่นกัน อีกอย่างที่อยากบอกคือ โคโมโดไม่ได้น่ารัก เป็นมิตรอย่างที่คุณคิด โคโมโดเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างดุร้ายค่ะ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องใช้บริการไกด์ หรือ Ranger ที่เป็นเจ้าหน้าที่ที่อุทยานพาเราเดินค่ะ
![]() |
ไกด์ที่พาเดินค่ะ |
ไม่ควรเดินออกนอกเส้นทางเพราะอาจจะโดนโคโมโดทำร้ายได้ ปีที่แล้วมีคนสิงคโปร์เดินออกนอกเส้นทาง ไปดูโคโมโดในป่าเองแล้วเค้าโดนโคโมโดกัดค่ะ วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือต้องใช้ยาฆ่าเชื้อก่อนค่ะ เพราะน้ำลายโคโมโดอาจจะมีเชื้อโรคปนอยู่แล้วเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ค่ะ
![]() |
น้องโคโมโดชอบมาอยู่บริเวณ Ranger เพราะได้กลิ่นอาหาร |
![]() |
ได้เจอน้องตามธรรมชาติอีกหลายตัวเลยค่ะ โชคดีมาก |
พอออกจากเกาะ Rinca ก็เดินทางมาที่ Padar view point ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สวยมากๆที่นึงที่ปอเคยเห็นมาเลยค่ะ เมื่อเราขึ้นไปบนยอดเขา เราจะเจอวิวของชายหาดสามสี Black sand beach, Pink sand beach, White sand beach ทางขึ้นเป้นบันไดที่ทำไว้ค่อนข้างดีค่ะ เดินขึ้นไม่ยาก แต่ค่อนข้างชัน ถ้าคนที่ไม่ค่อยออกกำลังน่าจะเหนื่อยหน่อย ที่นี่แค่เรือมาเทียบท่าแล้วเดินขึ้นไปได้เลยค่ะ ไม่ซับซ้อนอะไร
![]() |
บริเวณท่าเทียบเรือก็สวยแล้ว |
![]() |
ทางเดินขึ้นไปจุดชมวิวค่ะ |
![]() |
วิวสวยมากกกกกกกกกก ของจริงสวยมากกว่ารูปอีกค่ะ |
วิวที่เราเห็นคือ 3 ชายหาดค่ะ Pink sand beach, Black sand beach, white sand beach เป็นคอมบิเนชั่นที่หายากจริงๆค่ะวิวนี้
หลังจากนั้นก็เดินทางที่เกาะ Komodo ค่ะ ที่นี่เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ มีชาวบ้านอาศัยอยู่ (วันที่ไปเค้ากำลังเฉลิมฉลองเทศกาล Eid เห็นคนออกมานั่งคึกคักเเถวชายหาด)
![]() |
น้องๆคึกคักมาก รับเทศกาล Eid |
ด้วยความที่ใหญ่กว่าเกาะ Rinca ทำให้โอกาสที่เราจะเจอน้อง Komodo น้อยกว่า เพราะต้องเดิน trek หาในระยะทางที่ไกล แต่เดินไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็เจอน้องตัวนึงเดินตัดหน้าค่ะ
![]() |
ให้ฟีลเหมือนตอนไปซาฟารีที่แอฟริกา ไปตามส่องสัตว์เบาๆ |
![]() |
น้องโคโมโดกับวิวทะเล |
ระหว่างทางไปที่เที่ยวถัดไปก็ทานอาหารเที่ยงบนเรือค่ะ เป็นข้าวกล่องอาหารอินโดค่ะมื้อนี้
สถานที่ต่อไปก็คือ Pink Beach ซึ่งสีชมพูก็คือเศษปะการังที่แตกๆแล้วลอยมาติิดที่ชายฝั่งค่ะ ไกด์บอกว่าสมัยก่อนชมพูกว่านี้มากๆ แต่หลังจากที่นี่เริ่มเป็นที่นิยม มีนักท่องเที่ยวหลายคนที่เก้็บทรายกลับไป ทำให้สีชมพูน้อยลงมากๆ น้ำที่นี่ใสและสวยมากๆๆ แถมปะการังน้ำตื้นก็สวยมากค่ะที่นี่ แนะนำให้มาจริงๆ
![]() |
Pink Beach |
![]() |
ปะการังที่ทำให้ชายหาดมีสีแดง |
![]() |
มาดูปะการังน้ำตื้นกัน |
![]() |
ปลาสวยๆก้เยอะมากค่ะ ถ่ายมาไม่ครบ ต้องมาดูเอง |
หลังจากนั้นเดินทางมาที่ ชายหาดสีขาวที่มีน้ำใสมากอีกที่นึง ที่มีชื่อว่า taka makassar island ที่นี่มีปะการังน้ำตื้นให้ดูเหมือนกัน(แต่ส่วนตัวคิดว่าที่ Pink beach สวยกว่า) แต่ที่นี่ตอนกลางวันแดดแรงเเผดเผามาก คือบนเกาะไม่มีต้นไม้ ไม่มีอะไรเลย
![]() |
น้ำใสมากกก snorkle ฟินๆ |
![]() |
ชายหาดขาวสวยมากกก |
ที่สุดท้ายของทริปวันนี้ก็คือ Manta bay ซึ่งจะเป็นบริเวณกลางทะเล ไกด์จะคอยส่องปลากระเบนให้เราก่อน ถ้าเจอแล้วเราค่อยโดดน้ำตามเค้าไป ซึ่งวันที่ปอไปโชคดีมาก ได้เจอตัวใหญ่ตัวนึงว่ายน้ำใกล้กับเรือที่จอดเลย ได้ว่ายน้ำตามอยู่แบบนึง ด้วยความที่คลื่นแรงมากทำให้ปอหมดแรง แล้วก็ถ่ายรูปไม่ทัน 555 แต่ทริปวันนี้อยากบอกว่าคุ้มเกินคุ้มจริงๆค่ะ
สำหรับคืนนี้หลังจากจบทริปปออยู่ Labuan Bajo ต่ออีกคืนนึงก่อนจะบินกลับไปบาหลีค่ะ
![]() |
วิวจากลอบบี้ของที่พักค่ะ ฟินๆ |
สำหรับบาหลีครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งที่ผ่านๆมา เพราะไม่ได้เที่ยวที่เกาะบาหลีเลย แต่ตั้งใจจะไปอีกเกาะนึงที่คนไทยน่าจะรู้จักกันดีก็คือเกาะ Nusa Penida
เนื่องจากอ่านรีวิวเกี่ยวกับกับเกาะนี้มาพอสมควร มีชื่อเสียงเรื่องของถนนที่ไม่ smooth as silk นั่งทีเครื่องใน ลำไส้สะเทือน แต่ปลายทางคือคุ้มมากจริงๆค่ะ วิวที่นี่เค้าสวยจริง
โปรแกรมที่ปอเลือกคือ Combi (รวมที่เที่ยวทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกในวันเดียว) เพราะคิดว่าไหนๆก็นั่งรถทรมานละ ทรมานทีเดียวจบไปเลยดีกว่า 55 ค่าทัวร์ 1ล้านรูเป๊ยะค่ะ (1ล้าน IDR = ประมาณ 2200 บาทค่ะ) ซึ่งปอรู้สึกว่าสมเหตุสมผลมาก เพราะเป็นทัวร์ส่วนตัวค่ะ
พอกลับมาถึงบาหลีก็หิวค่ะ ไปเจอร้านอาหารชื่อดังใกล้ที่พักที่ชื่อ Ku de ta ไปลองชิมอาหารมาก็รสชาติดีค่ะ ราคาสูงสำหรับแถวนี้ แต่บรรยากาศดีค่ะ
![]() |
สลัดเวียดนามค่ะ |
Day trip นี้เริ่มทริปจากบาหลีค่ะ เค้าจะมารับที่ที่พักของเราตอนเช้าไปที่ท่าเรือที่ Sanur โดยรอบเรือทางทัวร์เค้าจะเชคให้เรา ก็คุยกับเค้าว่าอยากได้รอบไหนค่ะ วันที่ปอไปคือฝนตกหนักมากตั้งแต่ออกจากที่พัก ตอนนั้นแอบใจแป้วแล้วค่ะ day trip วันนี้จะล่มมั้ย (เป็นวันเดียวที่เหลือเวลาสำหรับไปเกาะ Nusa Penida ด้วย) พอไปถึงท่าเรือฝนก็ตกปรอยๆ สิ่งที่พีคมาก็คือการขึ้นเรือไปเกาะนี่ล่ะค่ะ ไม่มีท่าเทียบเรือจ้า เทียบกับชายหาด ยอมรับว่าค่อนข้างชอค เพราะแต่งตัวมาแบบใส่รองเท้าผ้าใบ กางเกงขายาว คือต้องถลกกางเกงขึ้นมาเลยเข่าเพราะน้ำก็ค่อนข้างสูง แถมน้ำไม่ค่อยสะอาดด้วย ตอนนั้นฟีลแบบ เอ่อ ทำไมมันพังขนาดนี้ตั้งแต่เริ่มทริป 555
![]() |
การเดินทางไปขึ้นเรือ ช่างน่าตกใจกับชุดที่ใส่มาวันนี้มากค่ะ |
![]() |
บรรยากาศภายในเรือ |
แต่ระหว่างที่นั่งเรือไปเกาะ Nusa Penida นั้นฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง คิดในใจว่าจะเอายังไงดี จะพังมั้ยตลอดเวลา
พอไปถึงท่าเรือจะมีคนขับรถถือป้ายชื่อมารอรับ พร้อมที่จะเริ่มทริปวันนี้แล้วค่ะ โดยสถานที่แรกของวันก็คือ Tree house กับ Diamond beach ที่นี่ต้องเดินลงบันไดที่ค่อนข้างสูงชันลงไปข้างล่างค่ะ แต่วิวเทพมากเห็นละหายเหนื่อยเลยจริงๆ ทางมาสองที่นี้ปอว่าถนนแย่มาก ลำไส้เคลื่อนไปหมด ใช้เวลาขับรถจากท่าเรือประมาณเกือบสองชั่วโมงค่ะ
เริ่มเดินไปที่ Diamond beach ก่อนค่ะ คุ้มค่าที่เดินมาค่ะ หายเหนื่อยเลย
![]() |
Diamond beach |
![]() |
หันมาอีกฝั่งจะมีอีกชายหาดนึงที่สวยไม่แพ้กันค่ะ เหมาะแก่การไปนั่งชิวพักผ่อน |
โชคดีมากจริงๆที่พอมาถึงแล้วฝนหยุด แต่ฟ้าก็ยังครึ้มๆ ที่นี่อยู่ห่างจาก Tree house นิดเดียวค่ะ เดินไปถึงกันได้ แต่ก็ต้องใช้วิชาขึ้นลงบันไดเยอะหน่อย ปอเจอคนพาผู้สูงอายุมา หอบแฮ่กๆเลยค่ะ
![]() |
บ้านต้นไม้ที่โด่งดัง |
จบฝั่งนึงแล้วใช้เวลาเดินทางอีกหนึ่งชั่วโมงกับถนนที่ยังไม่ได้ดีขึ้นเท่าไร เพื่อไปสถานที่ที่ฮิตมากๆตอนนี้ พอไปถึงคนเยอะมากกกกกก ฝรั่งและคนจีนเยอะมากค่ะ ตอนจะถ่ายรูปนี่คือต้องต่อคิวยาวพอสมควร (ซึ่งปอคิดว่าค่อนข้างใช้เวลานานกว่าจะได้ถ่ายรูปเราเอง ถ้าใครไม่ใช่คนชอบเที่ยวที่แมสๆ คนเยอะๆ ก็อาจจะไม่ชอบที่นี่ค่ะ)
![]() |
T-rex cliff (Kelingking beach) วิวยอดนิยมสุดๆ ณ ตอนนี้ |
สำหรับฝั่งนี้มีที่เที่ยวทั้งหมด 3 ที่ค่ะ คือ Kelingking beach, Angel’s Billabong, Broken beach ซึ่งก็ยอมรับนะคะ ว่าทุกที่สวยประทับใจมาก ติดที่แดดร้อนและคนเยอะไปหน่อย
![]() |
Broken beach |
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของที่นี่สวยมากค่ะ เกือบทุกที่สวยแบบที่เห็นในรูปตามอินเตอร์เนตจริงๆ กลับมาผิวไหม้มากๆ อย่าลืมทาครีมกันแดดดีๆนะคะ 555 ถ้าปอมาครั้งหน้าก็ว่าจะลองไปเล่นน้ำที่ Kelingking Beach ค่ะ
การมาอินโดครั้งนี้ได้มาดื่มด่ำธรรมชาติอย่างเต็มที่ มีหลายที่ที่เรารู้สึกว่าประทับใจมากๆ บรรยากาศ อาหาร สถานที่ ผู้คน ราคาที่ยังสมเหตุสมผล อยากให้ลองมาเที่ยวกันดูนะคะ 🙂
#TMBAllFree #เพราะคุณต้องได้มากกว่า#GetMOREwithTMB #TMBMakeTHEDifference