ทุกอย่างต้องมีครั้งแรกค่ะ ถ้าคุณกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก เครียด กังวล ภาษาอังกฤษก็พูดไม่ค่อยได้ ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ในบทความนี้ปอได้ถ่ายทอดสิ่งที่ควรรู้และต้องทำเวลาไปต่างประเทศรวบรวมมาให้อ่านกันค่ะ ยังจำความรู้สึกของการไปต่างประเทศครั้งแรกได้ว่าเราเด๋อด่าขนาดไหน เพราะตอนนั้นก็ค่อนข้างเด็กแล้วต้องเดินทางคนเดียว วันนี้จะมาแนะนำทีละขั้นตอนแบบเอาไปทำตามได้แน่นอน ไปครั้งแรกก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ผ่าน ตม นะ
ก่อนอื่นเราต้องเตรียมความพร้อมก่อนเดินทาง เชค 5 ข้อที่สำคัญ ดังต่อไปนี้
- มีพาสปอร์ตที่มีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน ถ้าใครยังไม่มีเล่มหรือพาสปอร์ตจะหมดอายุก็สามารถติดต่อขอทำพาสปอร์ตได้ ปอทำรีวิวทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ไว้ สามารถอ่านได้ที่นี่เลยค่ะ รีวิวทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ (อัพเดต มกราคม 2020)
- ซื้อตั๋วเครื่องบิน และจองที่พักเรียบร้อย
- เชคว่าประเทศที่จะไปต้องขอวีซ่ามั้ย ถ้าต้องขอควรรีบดำเนินการก่อนเดินทางอย่างน้อยๆสัก 2 สัปดาห์ขึ้นไป (บางประเทศรอวีซ่านาน อย่าชะล่าใจนะคะ)
- เตรียมปรินท์หรือเตรียมไฟล์ในมือถือสิ่งเหล่านี้ให้พร้อม จะใส่แฟ้มเก็บเเยกไว้ก็ดีค่ะ ชุดนี้เราจะเอาไว้ยื่นให้ ตม. หรือเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเวลาเค้าถาม (ใบจองตั๋วเครื่องบิน, ใบจองที่พัก, แผนการเดินทางคร่าวๆเป็นภาษาอังกฤษ, หากมีการเดินทางในประเทศโดยเรือ รถไฟ หรือรถบัส ถ้าซื้อตั๋วแล้วก็ปรินท์ไปเผื่อด้วย)
- แพคกระเป๋า มีของใช้พอสำหรับทริปที่เราจะไปเที่ยว (ควรเชคด้วยว่าตั๋วเครื่องบินที่ซื้อ รวมราคาการโหลดกระเป๋ารึยัง หากเอากระเป๋าใบใหญ่ไป) ที่สำคัญที่คนจะลืม คือ เรื่องปลั๊กไฟของประเทศที่จะไปอาจจะไม่เหมือนของไทย ควรมี universal adapter พกติดกระเป๋าไว้เวลาไปเที่ยวไหนก็ไม่ต้องกังวล และเรื่องสภาพอากาศค่ะ อย่าลืมเชคให้ดีว่าที่จะไปฝนตกมั้ย หนาวมั้ย ร้อนมั้ย ได้จัดเสื้อผ้าไปถูกค่ะ
หลังจากที่เตรียมของด้านบนครบแล้ว มาดูขั้นตอนกันค่ะว่าเราจะเจออะไรบ้าง เวลาเราเดินทางไปต่างประเทศ
- เดินทางไปสนามบิน โดยต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่าต้องไปสนามบินไหน (มีเคสคนไปผิดสนามบินแล้วตกเครื่องเยอะอยู่นะคะ) โดยโค้ด BKK หมายถึง สนามบินสุวรรณภูมิ DMK หมายถึงสนามบินดอนเมือง และที่สำคัญเราควรเดินทางไปถึงที่สนามบินอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเวลาที่เครื่องจะออก (เค้าเตอร์เชคอินส่วนใหญ่จะปิด 1 ชั่วโมงก่อนเครื่องออก) เผื่อเวลาเดินจากจุดต่างๆในสนามบิน จะได้ไม่ต้องรีบร้อนแบบวิ่งขึ้นเครื่องค่ะ อีกอย่างที่คนมักจะไปสนามบินผิดคือ เวลาบินไฟลท์เที่ยงคืน หลายคนไปสนามบินผิดวัน ต้องดูดีๆนะคะ ตัวอย่างเช่น ไฟลท์ 00:25 น. 22 มีค แบบนี้เราต้องเดินทางไปสนามบิน คืนวันที่ 21 มีค ควรถึงสนามบินสัก 22:25 น.
- พอถึงสนามบิน เดินไปดูบอร์ดที่มีตารางการบินของไฟลท์ต่างๆเยอะๆค่ะ โดยให้เรามองหาไฟลท์ที่เราจะบิน (ดูจากใบจองตั๋วเครื่องบิน จะมีรหัสเลขไฟลท์ของเรา เช่น บินการบินไทยไปมิวนิค ประเทศเยอรมนี จะเป็นโค้ด TG974 เป็นต้น หลังจากนั้นก็ดูที่ช่อง Check-in ว่าเราต้องเดินไปตรงเค้าเตอร์ไหน (ถ้าที่สุวรรณภูมิจะเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ เช่น K เราก็เดินมองหาช่อง K) หรือถ้าหาไม่เจอจริงๆ สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ที่สนามบินได้ค่ะ
- พอไปถึงเค้าเตอร์เชคอิน ให้ตรวจดูอีกทีว่าเป็นของสายการบินที่เราจะไปรึป่าว โดยดูว่าเราบินตั๋วแบบชั้นไหน เช่น ชั้นประหยัด (economy), ชั้นธุรกิจ (Business) เป็นต้น ก็เดินเข้าช่องไปต่อแถวรอเจอเจ้าหน้าที่ โดยสิ่งที่เราต้องใช้คือยื่นเล่มพาสปอร์ตให้เค้าพร้อมกับบอกว่าจะเดินทางไปที่ไหนค่ะ หากเราเดินทางคนเดียว ปอจะขอเจ้าหน้าที่นั่งริมหน้าต่างหรือริมทางเดิน เพราะบางสายการบินชอบเอาคนเดินทางคนเดียวไปนั่งตรงกลาง ซึ่งค่อนข้างอัดอัดสำหรับไฟลท์ยาวค่ะ
- หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะจัดการเชคอิน (ถ้ามีกระเป๋าเค้าก็จะโหลดพร้อมติดแทคให้) เราจะได้รับสิ่งที่เรียกว่า Boarding pass (บอร์ดดิ้งพาส) สิ่งนี้สำคัญมากค่ะ ห้ามหาย เพราะตอนเราจะขึ้นเครื่องเค้าจะสแกนบาร์โค้ดจากใบนี้อีกครั้ง เก็บให้ดีๆนะคะ
- พอออกจากเค้าเตอร์เชคอินก็เดินไปหาป้ายที่มีคำประมาณว่า (All gate, Departure, Immigration เป็นต้น แต่ละประเทศเขียนคำไม่เหมือนกัน) แต่ถามเจ้าหน้าที่ได้ว่าไปเกท ไปทางไหน โดยก่อนจะไปถึงเกท (ประตูขึ้นเครื่อง) ถ้าเราเดินทางไปต่างประเทศ เราจะต้องผ่านการตรวจคนเข้าเมืองหรือเรียกย่อๆว่า ตม (Immigration) โดยตอนนี้ถ้าที่ไทยคนไทยสามารถเข้าช่องอัตโนมัติได้ สิ่งที่ต้องทำคือ เอาหน้าแรกของพาสปอร์ตเราสแกนบนเครื่อง หลังจากนั้นสแกนบาร์โค้ดจากบอร์ดดิ้งพาส แล้วเดินผ่านประตูแรกไป มองกล้อง แล้วสแกนลายนิ้วมือ ก็จะผ่านช่องอัตโนมัติได้ค่ะ หรือใครไม่มั่นใจก็เดินเข้าช่องปกติไปทำผ่านเจ้าหน้าที่ได้ เค้าจะปั๊มตราประทับใส่เล่มพาสปอร์เราด้วยถ้าเข้าช่องนี้
- จะมีการสแกนสัมภาระที่ติดตัวเรา เอาของออกจากตัวใส่ถาด ถ้ามีไอแพดหรือโน้ตบุ๊คก็เอาออกจากกระเป๋ามาใส่ถาดค่ะ บางสนามบินก็ต้องถอดรองเท้าด้วย ก็ลองดูคนข้างหน้าว่าเค้าทำยังไงบ้างนะคะ
- พอผ่านทั้งหมดนี้แล้ว ให้เราดูที่บอร์ดดิ้งพาสตรงคำว่า Gate ว่าเราต้องไปประตูขึ้นเครื่องอันไหน (ปกติตอนเชคอินเจ้าหน้าที่จะเเจ้งเราด้วยค่ะ) เช่น GATE E1 ก็มองหาป้ายว่าไปทางไหน ถ้าเรามีเวลาไม่มากและไปครั้งแรก ควรเดินไปดูว่าเกทอยู่ตรงไหนก่อนจะช้อปปิ้งหรือกินข้าวนะคะ บางทีเกทอยู่ไกลมาก อาจจะไปไม่ทันขึ้นเครื่องค่ะ – เราควรไปถึงเกทสักอย่างน้อย 30 นาทีก่อนเวลาเครื่องออกค่ะ เพื่อความปลอดภัยว่าจะไม่ตกเครื่อง
- เมื่อไปถึงเกทก็คอยเชคนะคะว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกทมั้ย เครื่องดีเลย์มั้ย เราจะรอดปลอดภัยเมื่อผ่านการเดินเข้าเกทขึ้นเครื่องค่ะ หลังจากนั้นก็ขอให้สนุกกับการเดินทางค่า
- หลังจากนั่งเครื่องมาจนถึงจุดหมายแล้ว ก็เดินออกจากเครื่อง สำหรับคนที่ต่อเครื่องก็ไปเดินทางไฟลท์ถัดไปที่จะขึ้น โดยดูจากบอร์ดดิ้งพาส และไปเชคที่บอร์ดอีกครั้งว่าต้องไปเกทไหน ส่วนคนที่ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ก็เดินไปตรง ตม ของประเทศนั้นๆ (Immigration) โดยส่วนใหญ่เราจะต้องกรอกใบเข้าเมืองของประเทศนั้นๆ แล้วนำใบนี้ พร้อมพาสปอร์ตไปยื่นเจ้าหน้าที่ บางทีเค้าอาจจะถามถึงตั๋วเดินทางกลับ (Return ticket), พักที่ไหน(Hotel) หรือแผนการเดินทาง (Travel plan) เราก็เอาแฟ้มที่เราเตรียมมายื่นให้เค้าดู สิ่งที่ควรฝึกมาสำหรับคนที่พูดอังกฤษไม่ได้ คือ มากี่วัน (I will be here for ____ days), พักที่ไหน (I will stay at _______ hotel), ไปไหนบ้าง (I plan to visit____,_____,______) บางคนอาจจะโดนถามว่า Is this your first time here? ก็ตอบไปว่าใช่ (Yes). หรือถ้ากังวลว่าจะคุยไม่ค่อยรู้เรื่อง ให้เราเตรียมเเผนการท่องเที่ยวเป็นภาษาอังกฤษแบบเข้าใจง่ายๆ โดยอาจจะให้คนที่เก่งภาษาช่วยดูก่อนเดินทาง ยื่นให้เค้าไป เท่านี้ค่ะ แล้วก็เดินไปรับกระเป๋าเดินทาง โดยดูว่ารับกระเป๋าที่สายพานไหน ส่วนใหญ่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วนะคะ ถ้าเราไปเที่ยวถูกต้องตามประเภทวีซ่าและไม่ได้ตั้งใจไปโดดวีซ่า. ขอให้เที่ยวต่างประเทศครั้งแรกอย่างมีความสุขค่า หากมีคำถามอะไร ทิ้งไว้ในกล่องข้อความด้านล่างเลยนะคะ